จนท.ทหารพรานด่านอรัญฯ ตรวจค้นเข้ม 120 เขมรมุสลิมขนอาหารไปมาเลย์ จนท.ไม่ปักใจเชื่อตรวจสอบการเดินทางเข้มหวั่นลอบไปทำงานใน3จว.ชายแดนใต้ของไทย
เมื่อเวลา11.00น. วันที่29ก.ย.59 พ.อ.ปรมาธร บุนนาค ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12กกล.บูรพา (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่12กองกำลังบูรพา) สั่งการให้ พ.ต.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1201ฯ ร่วมกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส) สภ.คลองลึกฯ สนธิกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้น สกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายจากประเทศกัมพูชา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย บริเวณจุดตรวจร่วม อ.05หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ได้ตรวจพบชาวเขมรมุสลิมจำนวนมากทั้งชายและหญิง หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าสัมภาระจำนวนมาก เดินข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงจุดตรวจร่วม อ.05ฯ จนท.จึงร่วมกันตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิมกว่า 120 คน เดินทางมาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา อ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย โดยจะเดินทางผ่านประเทศไทยไปข้ามเขตแดนที่ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ของไทย
แต่เนื่องจากชาวเขมรมุสลิมส่วนใหญ่เป็นชาย-หญิง วัยหนุ่มสาว อีกทั้งพาสปอร์ตที่ถือเข้ามาส่วนใหญ่เป็นพาสปอร์ตใหม่เอี่ยมพึ่งทำครั้งแรก ส่วนสัมภาระส่วนใหญ่จะเป็นปลาร้าและของดอง บรรจุในถังพลาสติคจำนวนมากซึ่งสามารถกินได้เป็นปี เกรงว่าจะไม่ใช่การเดินทางไปเยี่ยมญาติที่มาเลเซีย เนื่องจากเคยตรวจสอบการเดินทางของชาวเขมรมุสลิม พบว่ามีชาวเขมรมุสลิมจำนวนมากที่อ้างจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย แต่กลับลักลอบไปทำงานอยู่ที่ชายแดน 3 จว.ชายแดนใต้ของไทย
จนท.จึงได้ร่วมกันนำชาวเขมรมุสลิมกว่า 120 คน พร้อมสัมภาระที่บรรทุกใส่รถเข็นสองล้อลากเลื่อน มาทำการตรวจค้นอย่างละเอียดที่ กองร้อยทหารพรานคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว นอกจากนี้ยังได้มีการถ่ายภาพและถ่ายสำเนาพาสปอร์ตไว้ทั้งหมด เนื่องจากเกรงว่าชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ บางส่วนอาจลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทยบริเวณ 3 จว.ชายแดนใต้ และอาจมีบางส่วนนำเสบียงอาหาร ไปสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบใน 3 จว.ชายแดนใต้ได้ จึงได้ตรวจสอบและเก็บหลักฐานไว้เพื่อยืนยันตัวตน เนื่องจากมีชาวเขมรมุสลิมบางคน เคยเดินทางผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ และอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซียมาแล้ว แต่กลับยังถือพาสปอร์ตใหม่เอี่ยม และเปลี่ยนชื่อใหม่จึงต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด
นอกจากตรวจค้นพร้อมเก็บสำเนาหนังสือเดินทางไว้แล้ว จนท.ยังประสานไปยัง กกล.บูรพา เพื่อส่งชุดปฏิบัติการข่าวไปประสานความร่วมมือ กับชุดปฏิบัติการข่าวส่วนหน้า 3 จว ชายแดนใต้ ให้ติดตามการเดินทางของชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ ว่าเดินทางไปอยู่ที่ไหน และ ออกไปประเทศมาเลเซียจริงหรือไม่
ทั้งนี้จากการสืบสวนหาข่าวของหน่วยงานข่าวด้านความมั่นคง พบว่าช่วงที่ผ่านมาทาง ตม.3 จว.ชายแดนใต้ของไทย ได้มีการกวาดล้างจับกุมชาวเขมรมุสลิม ที่ลักลอบมาทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ แล้วนำส่งมาให้ ตม.จว.สระแก้วทำการผลักดันกลับประเทศกัมพูชา บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวนมากเดือนละกว่า 100 คน
พบว่าชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ ส่วนใหญ่เดินทางเข้าประเทศมาทางด่านพรมแดนอรัญประเทศ และมีพาสปอร์ตเดินทางทุกคน แต่จะอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อเดินทางมาถึง 3 จว.ชายแดนใต้กลับไม่ได้เดินทางออกไปประเทศมาเลเซีย แต่มีนายหน้าชาวเขมรมุสลิมมารอรับ แล้วพาไปลักลอบทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ แล้วทิ้งทำลายพาสปอร์ตเพื่อเป็นแรงงานเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย เมื่อถูก จนท.ไทยจับได้ก็เพียงแค่ส่งมาผลักดันกลับประเทศเท่านั้น ไม่ต้องถูกดำเนินคดี จึงทำให้มีชาเขมรมุสลิมจำนวนมากใช้วิธีนี้เดินทาง เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย แต่ถ้าชาวเขมรมุสลิมยังถือพาสปอร์ตอยู่ จะถูกดำเนินคดีข้อหาอยู่เกินกำหนดอนุญาตและลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมายด้วย
ขอบคุณ/ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/720556