หน้าแรก ข่าวในประเทศ ข่าวทั่วไป

เปิด “คอบร้าโกลด์ 2016” ไทย-สหรัฐร่วมซ้อมรบ

Thai Defence Forces chief General SommaiKaotira (2nd L) shakes hands with US ambassador to Thailand Glyn Davies (2nd R) as Indonesia's ambassador to Thailand Bebeb Akn Djundjunan (L), Japan's ambassador to Thailand Shiro Sadoshima (behind C) and South Korea's ambassador to Thailand Noh Kwang-il (R) look on, during the opening ceremony of the annual Cobra Gold 2016 military exercises in Sattahip on February 9, 2016. Thailand and the US jointly host Cobra Gold, Asia's largest military exercise, from February 9 to 20. AFP PHOTO / Nicolas ASFOURI

พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย กลิน ที. เดวีส์ (Glyn T. Davies) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2016 ที่ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

เอเอฟพี/MGR Online – เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลไทยเร่งจัดการเลือกตั้งฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ระหว่างร่วมพิธีเปิดการฝึกผสมภายใต้รหัส “คอบร้าโกลด์ 2016” ซึ่งมีทหารจาก 27 ประเทศเข้าร่วม ณ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี วันนี้ (9 ก.พ.)

คอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทยและกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิกร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในไทยเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1980

สหรัฐฯ ส่งทหารราว 3,600 นายมาเข้าร่วมการฝึกผสม ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-16 กุมภาพันธ์ โดยมี 27 ประเทศที่เข้าร่วมการฝึก แบ่งออกเป็นประเทศหลักๆ 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สหรัฐฯ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยมีจีนและอินเดียเข้าร่วมในส่วนของโครงการฝึกช่วยเหลือประชาชน

สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า สหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันอย่างหนักให้ยกเลิกการฝึกร่วมดังกล่าวเสียหลังจากกองทัพไทยทำการปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อปี 2014 ซึ่งถือเป็นการรัฐประหารครั้งล่าสุดที่บั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยในไทย

กลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าวชื่นชมมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างวอชิงตันและกรุงเทพมหานคร แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังเผชิญ “ปัญหาท้าทายชั่วคราว”

“ความเป็นหุ้นส่วนของเราที่ลึกซึ้งและกว้างขวางเช่นทุกวันนี้ จะยังเติบโตแข็งแกร่งต่อไปได้อีก หากประเทศไทยหวนคืนสู่การมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ดังที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันเอาไว้แล้ว” เดวีส์เอ่ยในสุนทรพจน์เปิดการฝึกร่วม

“ด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน บทบาทผู้นำในภูมิภาคของไทยและความเป็นพันธมิตรระหว่างเราทั้งสองชาติจะสามารถพัฒนาต่อไปจนเต็มศักยภาพ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะจัดขึ้นภายในฤดูร้อนปี 2017 ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้นจะเป็นเช่นใดก็ตาม

คำแถลงของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มีขึ้น ในขณะที่รัฐบาลไทยหันมาใช้นโยบายการทูตมุ่งหน้าสู่ตะวันออก โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งเป็นทั้งคู่ค้ารายใหญ่และแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ประกาศจุดยืนไม่ก้าวก่ายกิจการภายในของชาติพันธมิตร

สหรัฐฯ พยายามใช้นโยบายการทูตที่รัดกุมเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์กับมิตรเก่าแก่อย่างไทย แต่ขณะเดียวกันก็ประกาศชัดเจนว่าต่อต้านรัฐประหาร และไม่เห็นด้วยกับการปราบปรามกลุ่มพลเมืองที่ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

รัฐบาลอเมริกันได้แสดงความผิดหวังต่อการรัฐประหารที่เกิดขึ้น โดยสั่งระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่า 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณครึ่งหนึ่งที่เคยมอบให้ไทยในแต่ละปี รวมถึงยกเลิกกำหนดการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทว่าหลังจากนั้นความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ กลับมาดีขึ้นตามลำดับ