นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมวงเล็กหารือตัวเลขคนป่วย COVID-19 เตรียมถกข้อมูลยกระดับมาตรการ (30 มี.ค.) ทั้งการแพร่ระบาด การแก้ปัญหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขณะที่ย้ำ 3 จังหวัดชายแดนใต้ใช้มาตรการเข้มแล้ว ห้ามเดินทางข้ามพื้นที่ และปิดบางชุมชนเสี่ยงโรคระบาด
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19(ศบค.)
โดยเป็นการหารือเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว 5 วัน แต่ยังมีตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมไปถึงมาตรการจ่ายเงินเยียวยาแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม 5,000 บาท เป็นห่วงเรื่องการวิเคราะห์พิจารณาการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในแต่ละช่วง การปิดพื้นที่ต่าง ๆ ในแต่ละวัน รวมถึงการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ เช่จ ราคาสินค้าแพง การจัดการหน้ากากอนามัย ฯลฯ ในช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังระบาด
ทั้งนี้นพ.ทวีศิลป์ แถลงว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับส่วนการพูดคุยกับ ได้กำชับเรื่องให้ดูรายละเอียดการแพร่ระบาดของเชื้อ และยังต้องมีการขยายเวลาในการดำเนินการในระดับพื้นที่ และให้มีการรายงานในระดับจังหวัดแบบรายวัน
“นายกฯให้ความสนใจมาก เพราะจะส่งผลต่อการออกมาตรการรองรับโดยเฉพาะการระบาด ทางสธ.รับไปวิเคราะห์ 30 มี.ค. จะมีการประชุม ศบค.ประเด็นการนำเข้าอุปกรณ์ การแพทย์ หน้ากากอนามัย ”
ยังไม่ปิดประเทศ-ล็อกดาวน์ 3 จว.ใต้
นพ.ทวีศิลป์ ยังระบุถึงกรณีคนกลับจากพื้นที่ กทม.กลับไปเยี่ยมญาติ และงานศพจะปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเน้นย้่ำว่า ตอนนี้เป็นการขอความร่วมมือทุกคน ยังไม่ได้ปิดประเทศ ถ้ามีภารกิจเร่งด่วนยังไปได้ ยกเว้นจังหวัดที่มีการคุมเข้ม เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องรู้และปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนนี้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย แจ้งมาที่ไหนมีมาตราการอะไร เป็นรายวัน
“ที่เข้มข้นแล้วคือ 3 จังหวัดชายแดนใต้คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ซึ่งมีการห้ามเดินทางเข้าออกในพื้นที่ ห้ามข้ามเขตทั้งจังหวัด ห้ามเดินทางเข้าออกบางหมู่บ้าน บางชุมชนที่แพร่ระบาดสูง ยกเว้นต้องการรักษาพยาบาล และการขนส่งสินค้าที่จำเป็น ”
และถ้าใครฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และขอความร่วมมือ เพราะและสิ่งที่รัฐต้องทำอาจจะเสียความสะดวกสบายและทุกอย่างกลับคืนมา
แหล่งที่มา: thaipbs