จากบทความตอนที่แล้ว จะเห็นกันแล้วนะครับว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือเขามีวิธีคืนความสุขให้ประชาชนของเขาที่ Cool!!! เอามากๆ สำหรับผู้อ่านที่ขี้สงสัย อาจจะถามต่อไปว่า แล้วชีวิตในเกาหลีเหนือมันเป็นยังไงกันเหรอ ถึงได้มีความสุขขนาดนั้น
ก่อนที่ผมจะเรียนตอบให้คลายความฉงนกัน ขออนุญาตตั้งเงื่อนไขว่าอย่าได้สงสัยอะไรต่ออีก และอย่าได้ถามคำถามรุกไล่นะครับ หลับหูหลับตาได้มากเท่าไหร่ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น เพราะเรากำลังว่ากันด้วยวิธีการคืนความสุขที่ง่ายดายที่สุด ก็คือ การคืนสุขบนฐานของการสะกดจิตตนเอง หรือเรียกอีกแบบก็คือ ความสุขบนความเขลา นั่นแหละครับ โอเคนะฮะ ตกลงตามนี้แล้ว ผมจะสาธยายให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้ครับ
ครั้งหนึ่ง มีนักข่าวบีบีซีเข้าไปทำสกู๊ปในเกาหลีเหนือ แน่นอนว่า พวกเขาก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากรัฐบาลผ่านผู้ดูแลที่เป็นไกด์ ห้องพักในโรงแรมถูกติดตั้งเครื่องดักฟัง ซึ่งพวกเขาก็ไม่แปลกใจมากนัก เพราะมันเป็นเช่นนี้ทั้งประเทศ ชาวเกาหลีเหนือถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกโดยการถูกเฝ้ามองสอดส่องโดยเจ้า หน้าที่รัฐตลอดเวลา และถูกควบคุมการเสนอข่าวสารข้อมูล
ในส่วนของทีวี ก็จะเน้นฉายเฉพาะอัตชีวประวัติของท่านผู้นำและอดีตทั้งผู้นำ และฉายภาพสดุดีกองทัพของประเทศ หมู่บ้านต้นแบบ ฟาร์มตัวอย่าง ฯลฯ ทำนองนี้เท่านั้น .. อ้อ! และอาจจะรวมถึง ..เอ่อ ..การฉายตลกคาเฟ่ที่ทหารเป็นผู้มอบความเพลิดเพลินให้ด้วยก็ได้ (ฮาาา) ขณะเดียวกัน บรรดาข่าวต่างๆ ก็แน่นอนว่านำเสนอโดยรัฐบาลเท่านั้น พวกเขาจะไม่อาจล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ภายนอกประเทศได้เลย
ประเทศเกาหลีเหนือ ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยก็จะมีการเซ็ตอินเตอร์เน็ตภายในประเทศ (ระบบอินทราเน็ต) สำหรับค้นคว้าข้อมูล “เท่าที่ท่านผู้นำเห็นว่าจำเป็นต้องใช้” เท่านั้น
ผู้นำโลกขวัญใจเยาวชนที่นี่ยังคงเป็นสตาลิน และเหมาเจ๋อตุง แม้ว่ากาลเวลามันจะล่วงผ่านมาแล้วสองชาติเศษๆ และนักเรียนในเกาหลีเหนือไม่ได้รับอนุญาตให้รู้จักคนอย่างเนลสัน แมนเดลา
นั่นทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกจอมปลอม รัฐบาลสามารถตัดแต่งความคิดและการรับรู้ของประชาชนได้ง่ายดายเสมือนการตัด แต่งกิ่งไม้ประดับในสวนหลังบ้าน นี่เป็นการเซ็ตบริบทที่ทำให้การมอบคืนความสุขของรัฐบาลกระทำได้อย่างง่ายดาย เป็นที่สุด
เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องพัฒนาประเทศ
เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ยกระดับคุณภาพชีวิต
เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติประชาชน หรือเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน
พวกเขาทำแค่เพียงการยัดเยียดฝังลงไปในหัวประชาชนว่า “อะไรคือความสุข” เท่านั้นเอง
เห็นไหม ง่ายจะตาย
….
อีกครั้งหนึ่ง รายการ Newsnight ของบีบีซีได้รับเชิญให้มาทำข่าวการเฉลิมฉลองเนื่องในวันครบรอบ วันเกิดของ อดีตท่านผู้นำคิม อิล ซัง ผู้ก่อตั้งประเทศ ปรากฏว่าทีมงานถูกพาไปถ่ายทำแค่ที่ที่ซึ่งรัฐบาลจัดฉากเอาไว้แล้วเท่านั้น ได้แก่ ฟาร์มต้นแบบ หมู่บ้านตัวอย่าง โรงเรียนต้นแบบ และบ้านต้นแบบ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือโปรแกรมที่รัฐบาล เกาหลีเหนือจัดให้ และไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับคนที่อยู่นอกสคริปต์ที่รัฐบาลจัดไว้ วิธีการนี้ยอดมาก เพราะมันจะทำให้ไม่ปรากฏภาพลักษณ์แย่ๆ หลุดรอดออกไปภายนอกได้เลย
เรื่องตลกก็คือว่า อีตอนที่เจ้าหน้าที่รัฐจะพาไปถ่ายทำสถานที่ต้นแบบต่างๆ มันก็ต้องเดินทางใช่ไหมฮะ แน่นอนว่า ถ้ามันให้ถ่ายแต่ที่ต้นแบบ ก็แปลว่าไอ้ที่อื่นๆ มันไม่เป็นต้นแบบที่ดีพอจะให้ถ่าย แต่ครั้นการจะไปยังสถานที่ต้นแบบก็ต้องผ่านสถานที่“ไม่”ต้นแบบอีกหลายๆ แห่ง นึกภาพตามออกใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้น โจทย์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือก็คือ จะทำไงดีวะ ให้ไอ้พวกนักข่าวบ้านี่มันวาร์ปไปถึงสถานที่ต้นแบบเลยโดยไม่ผ่านที่ที่ไม่ อยากให้เห็น ซึ่งเมื่อเชิญมันมาแบบนี้ จะเอาผ้ามัดมือปิดตาพวกแม่งก็คงไม่ได้ วิธีการที่รัฐบาลทำก็เลยกลายเป็นการพาขึ้นรถแล้วเหยียบสุดคันเร่งราวกับ เครื่องบินไอพ่น พุ่งไปยังสถานที่ต้นแบบโดยไม่อนุญาตให้จอดแวะพักที่ใด แต่จนแล้วจนรอด มันก็ไม่พ้นจะมองเห็นข้างทางอยู่ดีน่ะแหละครับ
พื้นที่ชนบทกันดาร และอาคารบ้านเรือนที่เสื่อมโทรมจำนวนมากมิสามารถเล็ดรอดสายตาไปได้ แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้แต่อย่างใด นอกจากนี้ ประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณที่ถ่ายทำแล้ว “ไม่ตรงกับภาพลักษณ์” ที่รัฐบาลอยากนำเสนอ เช่นคนแต่งตัวมอซอ คนยากจนท่าทางไม่มีความสุข รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและคนซื้อของกลับจากตลาด ก็จะถูกกันออกไปเช่นกัน (ก็เขาเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จะให้เห็นว่ามี “ตลาด” ได้อย่างไร จริงไหมครับ)
ที่ต้องกันพวกนี้ออก ก็เพราะของเหล่านี้คือรูปธรรมของสิ่งที่ “ไม่ใช่ความสุข” ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือไม่ประสงค์ให้เห็น และมันก็ไม่ได้ถูกบันทึกภาพถ่ายทอดออกไปภายนอกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นสิ่งที่คงเหลืออยู่ในภาพบันทึกก็จะมีแต่ความผาสุก สนุกสนาน สำราญใจ เกาหลีเหนือ The land of Smile สมคำร่ำลือ
สำหรับประเทศดัดจริตที่ปากบอกว่ามี ประวัติศาสตร์อันทรงเกียรติยาวนาน ไม่ต้องแคร์ฝรั่งตาน้ำข้าวเห็นแก่ได้ แต่พอต่างชาติด่าที หรือคว่ำบาตรทีก็ดิ้นพล่านๆ ตอนนี้ก็สบายใจได้แล้วครับ เพราะวิธีการแบบที่เกาหลีเหนือทำ จะช่วยท่านได้มาก มันจะทำให้สังคมโลกเห็นแต่สิ่งที่ดีที่งามของประเทศ แต่ก่อนหน้านั้น ท่านต้องยอมให้รัฐบาลทำอย่างแรกก่อน ก็คือ ต้องตัดขาดการสื่อสารระหว่างประชาชนกับโลกภายนอก ให้รัฐบาลของคนดีมีศีลธรรม คุณธรรม และถือปืน เป็นผู้เดียวที่ผูกขาดการเล่าเรื่องให้ต่างชาติฟัง เท่านี้แหละครับ ก็เลือกได้ตามใจชอบว่าอยากให้เขาเห็นอะไร และไม่เห็นอะไร ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ
เห็นชัดขึ้นไหมฮะว่า ทำไมประเทศบ้านี่มันจึงสุขล้นปรี่เช่นนี้ เพราะอะไรที่มันทุกข์ยากมันก็กดเอาไว้ให้เงียบเสียงไร้ตัวตนร่องรอย อะไรที่มันอยากนำเสนอเพราะเห็นเป็นสิ่งที่ดีงามมีความสุข มันก็เน้นย้ำทุกค่ำเช้า เยี่ยงนี้จะไม่สุขอย่างไรไหวล่ะเนอะ
คงต้องยกให้เขาไปเลย เหมาะสมแล้วกับตำแหน่งประเทศที่มีความสุขเป็นอันดับสองของโลก!!