ชวนติดตามอีกครั้งเมื่อ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไข ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ (คปต.)เปรยก่อนการประชุมคปต.ครั้งที่ 4/2557 ถึงการพูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแดนใต้ ที่ว่ามีการเตรียมการเพิ่มเติมโดยเร็วๆ นี้นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช.จะขออนุมัติจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ในการเดินทางพบปะหารือกันเพิ่มเติม เกี่ยวกับรายละเอียดในการพูดคุยระดับบนส่วนบุคคลหัวหน้าคสช.ยังไม่ได้กำหนด อย่างชัดเจนแต่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว
สิ่งสำคัญมีการปรับโครงสร้างในการพูดคุยเพื่อสันติสุขแล้วจะมีการอนุมัติ ภายใน 1-2 วันนี้ขณะที่ทางด้านมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกก็จะต้องหากลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวข้องโดยแท้จริงมาให้ครบถ้วนเพื่อให้การพูดคุยเกิดประโยชน์อย่าง แท้จริงเชื่อว่าการพูดคุยเพื่อสันติสุขอยู่ในนโยบายของหัวหน้าคสช.แน่นอนแต่ ในส่วนรายละเอียดในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะช่วงนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะ บางอย่างมีการปฏิบัติทั้งในระดับพื้นที่และระดับบนหากพูดไปก็ไม่ดี
พล.อ.อุดมเดชยืนยันขอให้มั่นใจว่าพยายามทุกทางเรื่องการพูดคุยสันติสุขและมี การปฏิบัติในขณะนี้ว่ารัฐบาลไม่ละเลยและพยายามทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็น ประโยชน์ส่วนคณะพูดคุยก็ยังคงเป็นจำนวนเดิม ที่ระบุไว้ว่าแต่ละฝ่ายจะต้องมีไม่เกิน15 คน มีการกำหนดไว้แล้ว จะให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็นโดยแต่ละฝ่ายมีทั้งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นที่สำคัญที่สื่อพยายามสอบถาม พล.อ.อุดมเดชเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 จะกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้เรื่องดังกล่าวมองว่าการปรับ ตำแหน่งจะมีหรือไม่ต้องรอคำสั่งพระบรมราชโองการต่อไปซึ่งเป็นเรื่องของการ หมุนเวียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในร่วมปีแม้ว่าตัวบุคคลจะสำคัญก็ จริงแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือระบบที่ขณะนี้มีระบบการทำงานที่ไม่จำเป็นจะต้อง ยึดถือตัวบุคคล เพราะระบบก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วในทุกๆ ปีก็คงต้องเปลี่ยนแปลงไป
“การปรับเปลี่ยน แม่ทัพภาคที่4 ทางผู้บัญชาการทหารบกได้สร้างระบบซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามเน้นเฉพาะเรื่องระบบ จะต้องทำอย่างเต็มที่และจะต้องปรับทั้งงานเชิงรุกและเชิงรับรวมทั้งการข่าว ที่ต้องลงลึกและบูรณาการมากขึ้น และทำให้ดียิ่งขึ้นไปทั้งนี้โครงสร้างปี 2558 ก็ได้มีการปรับอยู่ในส่วนของรายละเอียดพร้อมเน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่อง การข่าวซึ่งปีที่ผ่านมายังต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมและงานด้านมวลชนที่จะต้อง มีการจัดกำลังลงไปดูแลประชาชนให้มากยิ่งขึ้นมีความสำคัญเท่ากับการใช้กำลัง หรือการใช้ยุทธการ”
ส่วนการประชุมคปต.ในครั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชได้ย้ำว่าเป็นการประชุมติดตามการดำเนินงานของกลุ่มงานต่างๆที่ ผ่านมามีความก้าวหน้าด้วยดีโดยเรื่องพิธีฮัจญ์เพราะเป็นเรื่องสำคัญก็ได้มี การดำเนินการให้กับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นไปอย่างเรียบร้อยโดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้ที่จำเป็นทั้งนี้ต้องใช้งบประมาณจาก ส่วนกลางเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาซึ่งสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยเชื่อว่าชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้คงอยู่ในขั้นตอนปลายทางคือการ เข้าสู่พิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ส่วนงานด้านอื่นๆ พล.อ.อุดมเดช มองว่าพยายามผลักดันแต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงมี อยู่แต่ยืนยันว่าไม่มากกว่าเดิม และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไว้ได้นอกจากนี้ยังมีหลายอย่างที่พยายามปรับเช่น กระบวนการยุติธรรมที่ขณะนี้มีการร่วมมือกันของกระทรวงยุติธรรมที่จะหาทาง กระชับงานด้านสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่างๆของผู้กระทำผิดให้รวดเร็วยิ่ง ขึ้นจากเดิมที่มีคดีคงค้างหรือการทำสำนวนต่างๆที่ยังไม่รัดกุมจนผู้กระทำถูก สั่งยกฟ้องดังนั้นจึงจะมีการปรับในส่วนนี้โดยจะมีการจัดอบรมเจ้าหน้าที่และ ทำกระบวนการกระชับยิ่งขึ้น เป็นการช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดีอีกทางหนึ่ง
กรณีการจับคุมแต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่สามารถจับตัวแกนนำได้เลย ประเด็นนี้พล.อ.อุดมเดช ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะสามารถจับกุมหลายๆคนได้โดยที่เป็นผู้อยู่ในกระบวนการแต่ก็มีบางส่วนที่ ยังมีหลักฐานไม่เพียงพออาจเกิดการรวบรวมหลักฐานที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามการประชุมที่ผ่านมาได้มีการกำชับให้เร่งรัดในเรื่องนี้ซึ่งได้ รับคำชี้แจงจากศาล อัยการในเรื่องของการปรับวิธีการปฏิบัติรวมถึงจะจัดเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น เพื่อกระชับกระบวนการและดูแลในเรื่องผู้กระทำความผิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับการปรับรูปแบบใหม่ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)รับผิดชอบจะให้ความมั่นใจกับประชาชนนั้นเขามั่นใจว่าการแก้ไขปัญหา อยู่กับกอ.รมน.มานานแล้วและกอ.รมน.ก็เป็นแกนหลักโดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งกระทรวง ทบวงกรมและสอ.บต.ก็ดูในเรื่องการพัฒนา การดูแลความปลอดภัยและการส่งกำลังก็อยู่ในส่วนของกอ.รมน. ตรงนี้ต้องยอมรับและต้องพยายามต่อไปเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจ กับคนที่ไม่เข้าใจที่มีอยู่พอสมควรที่ยังแอบแฝงอยู่
ขณะนี้ทุกกระทรวงทบวง กรม พยายามจัดโครงการต่างๆที่ดีในทุกด้าน เช่น การฝึกอบรมสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆซึ่งพยายามผลักดันให้โครงการทุก สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
เป็นการเตรียมในการคุยสันติภาพที่จะเริ่มขึ้น และต้องทำให้โครงสร้างให้เกิดสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ได้เกิดขึ้น อีกครั้ง!!!