คะ ความเดิม ตะ ตอนที่แล้ว ผมนำเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบถึงคุณสมบัติพื้นฐานที่บ่งบอกความเป็น “มนุษย์ไทย” ไปแล้ว 3 ประการ ยังเหลืออีก 2 ประการ จะพายลดังต่อไปนี้ครับ
4. เกรียนออนไลน์
สืบเนื่องจากประเด็น ตั้ง อาชีวะ ที่น่าสนใจถัดมา คือ “มนุษย์ไทย” นั้น ขึ้นชื่อลือชาเป็นที่รู้จักกันดีมาก ในแวดวงสังคมออนไลน์ เราจะเห็นปรากฏการณ์ “มนุษย์ไทย” ตามถล่มบุคคลและองค์กรต่างๆ อยู่ในหลายๆ วาระด้วยกัน
ไล่มาตั้งแต่การถล่มเพจ UNHCR ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลี้ภัยทางการเมืองของตั้ง อาชีวะ เพราะทะลึ่งดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
การถล่ม CEO อินสตาแกรม ในกรณีน้องวันใหม่ เพราะสะเออะปฏิบัติตามกฎ กติกา การใช้งานอินสตาแกรม อย่างไม่ยืดหยุ่น
การถล่มเฟซบุ๊คนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ด่าแท็กซี่สุวรรณภูมิ เพราะกำเริบเอามาตรฐานแท็กซี่สากลมาคาดหวังกับแท็กซี่ไทย
กรณีนี้น่าสนใจนะครับ เพราะคนไทยทั่วไป รวมทั้ง “มนุษย์ไทย” เอง ก็มีแนวโน้มไม่ค่อยพอใจมาตรฐานของแท็กซี่บ้านเราอยู่แล้ว และก็เห็นโพสต์ด่า/ ประจาน/ ร้องเรียนอยู่หลายครั้ง แต่พอชาวต่างชาติด่าบ้าง กลับปกป้องแท็กซี่เสียนี่
เพราะอย่างที่เรียนไปแล้วน่ะครับ ในวิธีคิดของมนุษย์ไทย จะผิดจะถูกยังไง “แท็กซี่ก็เป็นคนของเรา”
ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง เท่านั้น ปฏิบัติการของ “มนุษย์ไทย” ในสังคมออนไลน์ยังขึ้นชื่อลือชายิ่งในกรณี “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา นักฟุตบอลซุปตาร์เบอร์ 1 ของไทย ที่ไปค้าแข้งกับสโมสรอัลเมรีย ในลาลีกา สเปน
กรณีนี้ เราจะเห็นแฟนบอลไทยที่เป็น “มนุษย์ไทย” ไล่ติดตามเพจสโมสรอย่างเกาะติด
วันใดที่มุ้ยไม่ได้ถูกส่งลงสนาม ก็เป็นเรื่องฮะ คอมเม้นต์ด่ากระจาย (ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ได้ลง 😛 )
ในวันที่ยกเลิกสัญญาค้าแข้ง เพจอัลเมเรียนี่แทบไม่เหลือชิ้นดีเลยฮะ โดน “มนุษย์ไทย” เข้าไปถล่มยับ
ส่วนที่ผมบอกว่า ปฏิบัติการในแนวนี้ มันเป็นตลกน้ำตาเล็ดในสายตาต่างชาติอยู่หลายครั้งนั้น ก็เพราะกรณีทั้งหมดที่เล่ามา จำนวนมากไปไล่ถล่มด่าคนต่างชาติ “ด้วยภาษาไทย” อะดิครับ แม่งคัลท์เชี่ยๆ
5. โรแมนติไซส์ (Romanticized) ชนบท
คุณสมบัติสุดท้ายที่ผมจะหยิบยกมาเป็นเกณฑ์ พื้นฐานชี้วัดความเป็น “มนุษย์ไทย” ก็คือ กลุ่มคนจำพวกนี้จะมีรสนิยมร่วมอยู่อย่าง คือ การวาดภาพชนบทให้มีความหอมหวานชวนฝัน (Romanticized ชนบท)
“มนุษย์ไทย” จำนวนไม่น้อย เป็นกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ใน “ประเทศกรุงเทพฯ” โดยมีพื้นเพรากเหง้าอยู่ในต่างจังหวัด พวกเขาผ่านการศึกษาอย่างดี และก้าวเข้ามาแสวงโอกาสอาชีพที่ดีในประเทศกรุงเทพฯ
แต่ในป่าคอนกรีตเหล่านี้ การแข่งขันมีอยู่สูง และตัวตนของพวกเขาค่อยๆ พร่าเลือนลงเรื่อยๆ ภาพเกี่ยวกับชนบทที่เขาจากมา ณ แห่งที่ยัง slow life “ต่อนยอน ต๊ะ ต่อนยอน” เป็นเงื่อนไขหนึ่งซึ่งหล่อเลี้ยงฝันหวานๆ ให้กับพวกเขายังยิ้มได้เมื่อนึกถึง และไม่ประสงค์ให้ภาพนั้นเปลี่ยนแปลงไป
ชนบทในฝันของ “มนุษย์ไทย” ยังคงต้องเป็นอยู่อย่างเดิม ล้าหลังเหมือนเดิม มีไว้เพื่อเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟชิคๆ ให้พวกเขาไปเซลฟี่ พร้อมปรารภเบาๆ ว่า “ฉันอยากเป็นชาวนา” “บ้านนอกสบายกว่า” “ทำไร่ชาไร่กาแฟช่างสุขใจจริง” ฯลฯ
แต่นั่นก็เป็นเพียงคำกล่าวลอยๆ เหมือนกับที่เราอุทานว่า “ชิบหาย!” นั่นแหละครับ
“มนุษย์ไทย” ไม่ได้หมายความเช่นที่เขาปรารภจริงๆ เพราะอย่างที่บอกว่า พวกเขาจำนวนไม่น้อยมีพื้นเพภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ถ้าบ้านนอกมันสบายกว่าอย่างเขาว่าจริง ทำไมไม่กลับไปทำนาเลี้ยงควายอยู่บ้าน?
นั่นก็เพราะ “มนุษย์ไทย” คงจินตนาการภาพตนเองลงไปฝัดข้าวแล้วผื่นขึ้นไม่ไหว
หรือนึกภาพตนเองลุกไปกรีดยางเวลาตีสาม ร้อนชื้น และยุงกัดไม่ออก
พวกเขานึกถึงเพียงภาพชนบทที่ปรากฏในแบบละคร ช่องสามเท่านั้น และยินดียิ่งที่จะคิดแค่เท่านั้น เพราะถ้ามากกว่านั้น มันจะทำลายฝันหวานลงไปเสียหมดจนอรรถรสไม่เหลือหลอ
“มนุษย์ไทย” ประสงค์จะให้ชนบทไม่เปลี่ยนแปลง ในแง่ที่รองรับฝันหวานดังกล่าว และรับใช้อาการอย่างเสพย์สมกับธรรมชาติชั่วครั้งชั่วคราวช่วงหยุดยาวของพวกเขา
กับในแง่ที่ชีวิตในเมืองของพวกเขามีการแข่งขันกันสูงมาก จำต้องผ่านอาการล้มเหลว และพ่ายแพ้หลายครั้ง แต่ความล้าหลังของชนบทที่ยังคงอยู่จะเป็นตัวยืนยันกับ “มนุษย์ไทย” ที่มีพื้นเพจากแหล่งเหล่านั้นว่า “อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ถีบตัวเองออกจากที่นั่นสำเร็จ และโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีกว่าได้”
ความสำคัญในการดำรงอยู่ของชนบทไทย เป็นความสำคัญในเชิงสภาพจิตวิทยา มันรับประกันตัวตนที่หล่อหลอมขึ้นของบรรดา “มนุษย์ไทย” และเป็นเรื่องแน่ๆ หากชนบทจะเปลี่ยนไป
พวกเขาจึงมักมีท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่ หากคนชนบทจะโงหัวขึ้นมาซื้อรถยนต์ส่วนตัวได้ด้วยนโยบายของรัฐ หรือซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ มีแท็บเลตแจก และทะเยอทะยานอยากจะร่ำรวยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามแบบอย่างคนในเมือง
เพราะมันขัดกับภาพชนบทที่ควรจะเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย พอเพียง และ “อ่อนน้อมสยบยอม” ตามมโนทัศน์ของพวกเขา
—
สรรพปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ของสังคมเรา ล้วนดำรงอยู่และขยายยืดให้บานปลาย ซ้ำยังยากจะแก้ไข ส่วนหนึ่งก็มิได้มาจากตัวโครงสร้าง/ระบบมันห่วยแตกเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเป็นผลของคนที่ไปเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เป็นคนจำพวก “มนุษย์ไทย” เฮงซวยเหล่านี้ด้วย
ตัวอย่างเช่นเรื่องของการเลือกตั้ง ต่อให้ออกแบบกติกา โครงสร้าง กระบวนการเสียศิวิไลซ์เลิศหรูเยอรมงเยอรมันปานใด แต่ตราบที่โรค “มนุษย์ไทย” ยังไม่ได้รับการบำบัด มันก็มีแนวโน้มล่มปากอ่าว จนเดี๋ยว “ไอ้แป๊ะ”ก็ต้องไสหัวตัวเองเข้ามายึดเรืออีกเหมือนเดิม วนเวียนมิรู้จบ
“มนุษย์ไทย” จึงเป็นภัยเงียบที่ร้ายกาจมาก ซึ่งบ่อนเซาะทำลายสังคมไทยอยู่ในทุกวันนี้ และขอเน้นย้ำว่า ผมไม่ได้ประสงค์จะชี้ชวนให้ท่านผู้อ่านคิดไปว่า บุคคลเหล่านี้เป็นปัญหาสังคมที่ต้องกำจัดทิ้งหรอกนะฮะ
พวกเขาแค่ “ป่วย” และต้องการการบำบัดอย่างเร่งด่วนเท่านั้นเอง
—-
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เหนือกว่ามนุษย์ลุง มนุษย์ป้า คือ มนุษย์ไทย (ตอนแรก)