หน้าแรก บทความ

8 ข้อสังเกต บ่งชี้ “ไอซิส” กำลังทำงานรับใช้ใคร??

บทความจากผู้อ่าน โดย นิฮาซานะห์ ณ วังคราม

 

การปรากฎตัวของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ “ไอซิส” สร้างความปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใหญ่หลวงใน หลายมิติ ไม่ว่า ทั้งทางรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือภูมิศาสตร์ เป็นต้น และขณะเดียวกัน ไอซิสก็สร้างความสับสนอลหม่านต่อโลกอิสลามและมุสลิมพอสมควร

เริ่มแรกที่ไอซิสเปิดโฉมสู่สายตาชาวโลกใน ฐานะผู้ที่จะมาก่อตั้ง “รัฐอิสลาม” โดยอ้างการปกครองในระบบ “คอลีฟะฮ์” อันเป็นระบบการปกครองที่ใช้หลัก “ชารีอะห์” หรือนิติศาสตร์อิสลามตามแนวทางของท่านศาสดามุฮัมหมัดนั้น ได้ทำให้ “ไอซิส” เปรียบเสมือน “ฮีโร่” ของโลกมุสลิม

ทว่าด้วยพฤติกรรมในท่วงทำนองสไตล์ “ไอซิส” ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย อำมหิต และดูเสมือนผิดแผกไปจากหลักคำสอนดั้งเดิมของอิสลาม จึงทำให้มุสลิมส่วนหนึ่งเริ่มมีความเคลือบแคลง สงสัย ในเจตนาที่แท้จริงของขบวนการนี้

ในวันนี้ ความเชื่อต่อจุดยืนของกลุ่มไอซิสในหมู่ชาวมุสลิมจึงถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย มีทั้ง “เชียร์” และ “ต้าน” !!

ในบทความนี้ จะเป็นการนำเสนอข้อสังเกตต่างๆ ของฝ่ายที่ต้านและปฏฺิเสธไอซิส โดยพวกเขามองไอซิสว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และเป็นเพียงนักแสดงที่สวมบทบาทตัวแทนของมุสลิม ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว พวกเขากำลังรับใช้ตะวันตก และไซออนิสต์ เพื่อบ่อนทำลายโลกมุสลิม

1. ไอซิสคลอดมาภายใต้ร่มเงาของสหรัฐอเมริกา

น่าแปลกใจที่ บุคคลระดับผู้นำของ ISIS ต่างก็เป็นนักโทษที่สหรัฐเคยจับกุมตัวไว้ แล้วถูกปล่อยให้เป็นอิสระอย่างลึกลับในภายหลัง ตัวอย่างเช่น อบูอัยมัน อิรากี, อบูบักร อัลบัคดาดี, หรือ อุสามะฮ์ อัลบาลาวี

แต่ละคนล้วนเป็นหัวหอกของกลุ่มสุดโต่งที่ ได้แสดงบทบาทของผู้นำของกลุ่มก่อการร้าย จุดร่วมของพวกเขาคือ ก่อนที่พวกเขา จะกลายมาเป็น แกนนำ ของกลุ่มก่อการร้าย คนเหล่านี้ล้วนเคยอยู่ใน คุก Bucca และถูกปล่อยตัวในภายหลัง [1]

นอกจากนี้ การสนับสนุนทางอาวุธของสหรัฐอเมริกาให้แกพวกเขา ก็ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด หลักฐานก็คือ ในเหตุการณ์คูบานีย์ สหรัฐซึ่งอ้างว่า กำลังพยายามส่ง อาวุธให้กับทหารชาวเคิร์ด แต่หลักฐานจากบันทึกวิดิโอ กลับพบว่า ลังอาวุธที่ถูกโปรยลงมา จากเครื่องบินบรรทุกของกองทัพ US กลับไปตกอยู่ในมือของ ISIS อย่างน่าแปลกใจ [2]
Untitled1 อาจจะมีคนคิดว่า เหตุการณ์เหล่านี้ อาจจะเป็นความผิดพลาดของทางกองทัพ US ทว่าความเป็นจริง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆอยู่หลายครั้ง สิ่งนี้บอกอะไรคุณบ้างไหม ? ถ้าเราไม่ดูว่า รัฐบาล US พูดอะไร แล้วหันมาพิจารณาที่ผลของมัน เราจะได้ข้อสรุปว่า พวกเขา กำลังติดอาวุธให้ ISIS อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย นั่นคือการที่พวกเขายอมให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพื่อจะได้เป็นราชาบนเถ้าถ่าน

นอกจากนี้ ตัวแทนของประเทศอิรัค ยังได้ออกมาเปิดโปงอีกว่า เครื่องบินของอเมริกา ไม่ได้มาเพื่อกำจัด ISIS แต่มาเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บ โดยการติดอาวุธให้พวกเขา หลักฐาน คือ ใน เมือง จูลลา [3]

โดยสรุปแล้ว เมื่อประเมินผลปฏิบัติการของ ISIS ผ่านมุมมองนี้ จะทำให้มองเห็นอย่างชัดเจน ว่า แต่ละจังหวะการขยับของกลุ่มไอซิส ได้ส่งผลในเชิงบวกให้กับ สหรัฐอเมริกา และไซออนิสต์ อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่า ทหารผู้บาดเจ็บของ ISIS เข้ารักษาตัว ใน โรงพยาบาลของ อิสราเอล [4]

2.การบิดเบือนเจตนารมณ์กระแส การตื่นรู้อิสลาม และกลับสู่อิสลามดั้งเดิม

การวิเคราะห์ที่ชี้ว่า”ปรากฎการณ์ไอซิส เป็นปรากฎการณ์ที่มีเจตนาเพื่อบิดเบือน เจตนารมณ์กระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิม ของโลกมุสลิม เป็นบทวิเคราะห์ที่มีมูล และน่าค้นหา เพราะในช่วงเริ่มต้น กระแสนี้ ถูกปลุกขึ้นมาอย่างน่าตกใจ โดยมีเจตนาเพื่อโค่นล้มบรรดาผู้นำเผด็จการที่ขึ้นตรงกับประเทศตะวันตกมา อย่างช้านาน

กุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนทิศทางของกระแสนี้ คือ กลุ่มผู้อ้างเป็นตัวแทนของประชาชน ในช่วงเริ่มแรก การรวมตัวของประชาชนคือ การรวมตัวของประชาชน ด้วยประชาชนเอง ไม่ได้เกิดมาจาก การปลุกระดมขององค์กรทางการเมือง หรือ สมาคมต่างๆ ต่อมาหลังจากที่การปฏิวัติเริ่มประสบความสำเร็จ กลุ่มๆต่างๆก็เริ่มอาสามาเป็นตัวแทนของประชาชน เริ่มต้นดูเหมือนว่า พวกเขาจะเป็นตัวแทนเสียงของประชาชน แต่เมื่อเข้าถึงอำนาจ บางกลุ่มยังคงรักษาสโลแกนเดิม แต่บางกลุ่มกลับเปลี่ยนแนวทาง คือการเปลี่ยนทิศทางและเป้าหมายจาก กระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ ไปหนักในจุดอื่น เริ่มต้นจากการเปลี่ยนทิศทางของประชาชนให้หันมาต่อต้าน รัฐบาลซีเรีย ซึ่งความยาวนานของความขัดแย้งก็ยังคงมีต่อไปอยู่เรื่อยๆ หากเราพิจารณาจาก อาชญากรรม และการเข่นฆ่าที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังการทะลักเข้ามาของกลุ่มไอซิส คงจะทำให้ได้คำตอบที่ค้างคาใจอยู่ก็เป็นได้ คำถามคือ กลุ่มไอซิสเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับ ตะวันตก ?

การจะหาคำตอบต่อเรื่องนี้ ก็คือ จะต้องศึกษาจากบทบาทของตะวันตก ต่อการสนับสนุนกลุ่มไอซิส พวกเขาสนับสนุนกลุ่มไอซิส หรือไม่ ? มีหลักฐานพบว่า กลุ่มโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกและอาหรับ พยายามที่จะสนับสนุน กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย กระทั่งจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ก็เคยเดินทางไปพบกับฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรียด้วยตนเอง

สถานการณ์ที่สร้างขึ้นมาก็เพื่อเบนเข็ม และละความสนใจของประชาชนต่อกระแสการตื่นรู้อิสลามและกลับสู่อิสลามดั้งเดิม แบบเบ็ดเสร็จ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในอียิปต์ ลีเบีย ตูนิเซีย ก็ถูกทำให้เกิดเหมือนในซีเรียเช่นกัน [5] และผู้ก่อการร้ายก็หลั่งไหลทะลักเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางไปพบแกนนำนักรบฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรีย โดยภาพนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลในภาพคนหนึ่งอาจเป็น อะบูบักร อัลบัคดาดี
จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางไปพบแกนนำนักรบฝ่ายต้านรัฐบาลซีเรีย โดยภาพนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลในภาพคนหนึ่งอาจเป็น อะบูบักร อัลบัคดาดี

3 การทำให้ ประเด็นเรื่องปาเลสไตน์ กลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ และถูกลืม

ประเด็นสำคัญที่ถือเป็นจุดร่วมของ ผู้รักความเป็นธรรม ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร นับถือศาสนาอะไร คือ การต่อสู้กับการกดขี่ ซึ่งในกรณีของปาเลสไตน์ ไม่ว่าใคร ก็คงจะเข้าใจดีว่า อิสราเอล พยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นผู้มีความชอบธรรม มากเพียงใด การสร้างความชอบธรรมในการยึดบ้านเมืองเมืองนอนของชาวปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่ ผู้รักความถูกต้องหลายทศวรรษไม่ยอมรับต่อมัน

ในทุกๆปี ผู้คนในแต่ละประเทศ จะรวมตัวกัน เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ ในการปลดปล่อยปาเลสไตน์ให้เป็นอิสระเสมอ ในสงครามข่าวนั้น หากเราพิจารณาถึงการเมืองระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า อิสราเอล มักจะแสดงจุดยืนอยู่บน สโลแกน “การปกป้องตัวเอง” ทุกครั้ง ที่มีความรุนแรง หรือ สงคราม เกิดขึ้นเสมอ แต่การแสดงจุดยืนในด้านนี้ กลับไม่ประสบผล และคว้าใจมวลชนเท่าใดนัก เพราะ ต่อให้อิสราเอลใช้ข้ออ้างอะไร ในการโจมตีปาเลสไตน์ ประวัติศาสตร์ก็ยังตราหน้าพวกเขา ว่าเป็นอาชญากร ที่รุกรานแผ่นดินของผู้อื่นเสมอ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
gazaการเบนทิศทาง ให้ผู้คนเลิกหันมาสนใจเรื่องปาเลสไตน์ จึงเป็นวิธีการใหม่ของไซออนิสต์ คือ แทนที่ ทุกๆคน จะมาใส่ใจว่าอิสราเอล ทำอะไรกับปาเลสไตน์ ก็ทำให้ ผู้คนเห็นถึงอันตรายของผู้ที่เป็นศัตรูกับอิสราเอล คือ มุสลิม เช่นการสร้างกระแสความหวาดกลัวอิสลาม, และในอีกด้านหนึ่งก็คือ การทำให้ มุสลิมแตกแยกและขัดแย้งกันเอง

ข้อยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ การที่ รัฐบาลไซออนิสต์แสดงเจตจำนง ในการทำให้ ดูเหมือนว่า ฮามาส กับ ISIS เป็นกลุ่มปฏิบัติการประเภทเดียวกัน และการแสดงให้เห็นว่า ฮามาส ก็มีความคิดสุดโต่งแบบกลุ่มไอซิส หาก ทำให้ภาพลักษณ์ของฮามาสเป็นเช่นนี้ ผลของมันจะกลายเป็นว่า ฮามาส คือ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ ไม่ใช่อิสราเอล ซึ่งเนทันยาฮู เคยกล่าวปราศัย ในเวที สหประชาชาติ โดยอ้างว่า ฮามาสเองก็มีความประสงค์จะจัดตั้งรัฐการปกครองคล้าย ISIS [6]

 

4 การทำลายประเทศอิสลาม

ถ้าเราดูจากผลงานของกลุ่มไอซิสและจังหวะใน การเดินเกมของพวกเขา จะเห็นว่า ผลที่เกิดขึ้น กับชื่อขององค์กรกลับเป็นสิ่งตรงข้ามที่ไม่อาจเข้ากันได้เลย พวกเขาแสดงเจตจำนงที่จะจัดตั้งรัฐอิสลาม แต่ผลของมันคือการทำลายประชาชาติอิสลามอย่างที่ไม่มีใครจะปฏิเสธถึงข้อเท็จ จริงอันนี้ได้

อาจมีคนบางกลุ่ม อ้างว่า “บางครั้งการสร้างต้องเริ่มต้นจากการทำลาย” เราจะถามกับคนเหล่านั้นว่า การสร้างของพวกเขา เริ่มจากการทำลายใคร ? รัฐอิสลามสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการฆ่ามุสลิมหรือ ? เพราะถ้าดูกันจริงๆ ไม่ต้องให้ นาย บันคีมูน ออกมาประกาศ เราก็รู้ดีว่า พวกที่ISIS ฆ่า คือ มุสลิม เมืองที่ ISIS ทำลาย คือ เมืองของ มุสลิม เด็กที่ISIS พรากพ่อแม่ไป ก็คือ เด็กชาวมุสลิม หลักการของอิสลาม คือ สิ่งใดที่เริ่มต้นด้วยสัจธรรม ผลที่จะออกมา ก็คือ สัจธรรม และหากสิ่งใดที่เริ่มด้วย โมฆะ ผลของมันก็จะออกไปด้วยโมฆะ
isis2การปรากฎของ ISIS ได้นำมาซึ่ง วิกฤต และความไม่สงบสู่ประเทศมุสลิม หรือ ประเทศที่มีมุสลิมอยู่อาศัย จะเห็นว่า ผลจากการจู่โจมของพวกเขาได้ทำให้ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกของ ประเทศซีเรีย แทบไม่เหลือซาก หรือ เค้าเดิม [7] และเมื่อดูในอิรัก ซึ่งมีสภาพดีกว่าซีเรีย ก็ต้องเผชิญกับปัญหา การทำลายบ้านเมือง และการขึ้นราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งอิรักเอง ก็จะต้องรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากการลอบกัดของ ISIS
เมื่อเรามองภาพรวม โดยการตั้งคำถามจากผลของสงคราม ว่า จากศึกที่เกิดขึ้นใครได้รับผลเสียมากที่สุด ? จะทำให้เราเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ มุสลิม และกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคืออิสราเอล เรื่องแบบนี้ ทุกคนสามารถหาความจริงได้เอง ไม่จำเป็นต้อง ตามข่าวจากฝ่ายที่ต่อต้านไอซิส เราสามารถรับรู้ได้ในระดับหนึ่ง และมันอาจทำให้คนที่ยังปกป้องกลุ่มเหล่านี้อย่างตาบอด จะได้ตาสว่างขึ้นมาได้บ้าง

5 การทำให้กองกำลังในพื้นที่อ่อนแอ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กองทัพของแต่ละประเทศของมุสลิม คือ เขื่อนสำคัญที่กั้น ไซออนิสต์ และ อเมริกา จากการแสวงหาผลประโยชน์ การทำให้กองทัพของแต่ละประเทศอ่อนแอ ก็คือ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า กองทัพหรือ ทหารในประเทศของพวกเขา ไม่สามารถทำอะไรได้ในการรับมือกับกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ ผู้ที่ศึกษายุทธศาสตร์การทำลายฝ่ายตรงข้ามในสงครามเย็นจะเข้าใจได้เป็นอย่าง ดีว่า การจะทำให้ประเทศคู่แข่งที่มีแนวโน้มหนักไปทางอริอ่อนแอนั้น อันดับแรก คือ การทำให้รัฐบาล, ทหาร, หลักการที่ประเทศฝ่ายตรงข้ามยึดถือหมดความชอบธรรม, ลำดับต่อมา คือ การทำให้ประชาชนสิ้นหวังต่อรัฐบาลและกองทัพ และผู้ถืออำนาจในประเทศเหล่านั้น และหลังจากนั้น อนาคตของประเทศ ก็จะสรุปได้สองแบบ คือ เกิดการปฏิวัติขึ้นในประเทศ หรือ เกิดการแทรกแซงของประเทศที่อ้างว่าต้องการปฏิรูปประเทศคู่แข่งให้ดีขึ้น

ในกรณีนี้ การที่ประชาชนหมดความมั่นใจ ต่อทหารของประเทศตนเอง ก็คือ การสร้างความอ่อนแอในรูปแบบหนึ่ง

6 การนำเสนอภาพลักษณ์ที่โหดร้ายของอิสลาม

หนึ่งในข้อสังเกต ที่บ่งชี้ว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิสกำลังรับใช้ตะวันตก และไซออนิสต์ อยู่ก็คือ การสวมบทบาทผู้ร้ายในนามของศาสนา การสร้างภาพลักษณ์ของอิสลามที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นับเป็นอีกยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สามารถ สร้างแรงจูงใจทำให้ เกิดการต่อต้านศาสนาอิสลาม (แม้ว่า จะไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็ทำให้เสียงเกลียดอิสลามดังขึ้นในบางส่วนของสังคม) และการเสพข่าวสารในทุกๆวัน จะทำให้ ตะวันตก ได้ผู้สนับสนุนที่เกลียดอิสลามไปโดยปริยาย

islamic-state-row-execution-afp-640x480ผู้นำอิหร่าน อายาตอลล่าห์ คาเมเนอี ได้เคยอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “พวกเขากำลังทำในสิ่งตรงข้าม พวกเขาฆ่ามุสลิม และแสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ใช่มุสลิมซึ่งไม่ได้เรียกร้องก็ต้องตกอยู่ภายใต้ คมดาบของพวกเขา ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก และโลกทั้งใบต่างก็ได้รับรู้ ว่า มีคนคนหนึ่งกำลังตัดศรีษะมนุษย์ ภายใต้นามของอิสลาม ,บ้างก็ควักหัวใจ แล้วกัดมันเป็นชิ้นๆ นี่คือสิ่งที่โลกเห็น พวกเขาทำลายศาสนาด้วยนามของอิสลาม” [8]

ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่สำคัญของโลกมุสลิม ก็ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน ว่า สิ่งที่ขบวนการไอซิสกำลังปฏิบัติอยู่ในตอนนี้ คือ การสร้างความเกลียดชังให้กับอิสลาม และเมื่อเร็วๆ นี้ยังได้จัดตั้งการประชุมเสวนา ในหัวข้อ “ต่อต้านการก่อการร้าย” ด้วยเช่นกัน [9]

การสร้างกระแสความหวาดกลัวต่ออิสลาม และการทำให้ประชาชนทุกๆ ประเทศ รู้จักอิสลามผ่านสื่อ เป็น แผนระยะยาวที่ ผลิตจากโรงงานความคิดของไซออนิสต์ ในการรับมือ กับศัตรูุ วันนี้ ดูเหมือนว่า ทุกคนจะอยู่สนามศึกอย่างที่โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็นมุสลิม พวกเขาก็ต้องเข้าสู่การต่อสู้นี้ เพราะพื้นที่ในการทำศึกคือ ข่าวสาร และ โลกไร้พรมแดน ซึ่งมนุษย์ในยุคนี้ต่างผนวกมันเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

การมีชัยชนะจากศึกทางความคิด จึงถือเป็นไม้ตายที่แท้จริง ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ หรือ เรือพิฆาต ตะวันตก,ไซออนิสต์ เชื่อมาโดยตลอดว่า ถ้าควบคุมความคิดของมนุษย์ได้ ก็ควบคุมโลกได้ ซึ่งนั่นคือหนึ่งในทฤษฎีว่าด้วยการจัดระเบียบโลก

7 การเปิดช่องทางให้ กองทัพ US กลับมาลงพื้นที่อีกครั้ง

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งที่บ่งชี้ว่า ISIS รับใช้ ตะวันตก,สหรัฐ ก็คือ การสร้างสถานการณ์ เพื่อหาเหตุ และความชอบธรรมให้ สหรัฐ และพันธมิตร หวนกลับมาในประเทศอิรัคอีกครั้ง เพราะหลักจากที่ รัฐบาลอิรักแสดงเจตจำนงที่จะให้ทหารอเมริกา กลับสู่ประเทศของพวกเขา ด้วยการเซ็นสัญญาความมั่นคง ทำให้พวกเขา เสียสถานะทางพื้นที่ไป และยังทำให้พวกเขาต้องละทิ้งจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของตะวันออกกลางไป ด้วย

ทว่าในตอนนี้ เนื่องด้วย ความเอื้อเฟื้อของ ISIS ทำให้สหรัฐสบโอกาสหาช่องทางในการส่งกองกำลังกลับมาอีกครั้ง ในฐานะ”ผู้ปราบISIS ” ข้อยืนยันคือ การเคลียร์บางพื้นที่ ในซีเรีย, อิรัก โดยข้ออ้างปราบปราม ISIS คือ ตัวอย่างที่ดีสำหรับการหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะวิธีและเหตุผลที่สหรัฐใช้ ไม่ต่างอะไรกับเหตุผลก่อนหน้านี้ที่สหรัฐใช้บุกอิรัก หรือ อัฟกานิสถานเลย

และการโจมตีของกองทัพ US ในปากีสถาน ยังส่งผลกระทบกับพลเรือนทั่วไปอีกด้วย ประชาชนชาวปากีสถานหลายสิบชีวิตต้องเสียชีวิต เพราะการโจมตีของกองทัพ US ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว เกิดขึ้น โดยไม่ได้ประสานงานกับ รัฐบาลปากีสถานเสียด้วยซ้ำ แม้จะมีภาพยนต์บางเรื่องที่สร้างขึ้นมา เพื่อสร้างภาพการตัดสินใจของกองทัพให้ออกมาดีก็ตาม

8 การย่อยประเทศอิสลาม เพื่อทอนอำนาจประเทศมุสลิม

ยุทธศาสตร์การเมืองที่ถูกเขียนไว้ ของ มหาอำนาจ บางครั้งมันมาคู่กับความพยายามในการแบ่งประเทศ ให้เป็นประเทศเล็กๆ และในกรณี ประเทศอิสลามที่มีอำนาจ ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการเมืองตะวันตกเช่นกัน

การแบ่งประเทศใหญ่เป็นประเทศเล็ก เป็นสิ่งที่มีให้เห็นในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และหลายครั้งมันก็เกิดขึ้นให้เราเห็น และในตอนนี้ เจ้าหน้าที่หลักผู้รับมอบหมายในการปฏิบัติตตามแผนการนี้ เห็นจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ISIS ดังที่เราได้รู้แล้วว่า ในบางช่วง ISIS สามารถยึดเมือง และแยกตัวเป็นอิสระได้พักนึงจาก ซีเรีย ตัวอย่างคือ เขตต่างๆที่มีความสำคัญ อย่าง ฮัลบ์ และอัดลับ และในอิรัก ก็เช่นกัน
Untitled2 ในปี 2006 เคยมีการเสนอให้แบ่งเขตปกครอง มาแล้ว โดย โจว์ ไบเดน (Joe Biden) ที่ปรึกษาปธน.สหรัฐ ในช่วงเวลานั้น ไบเดนได้เสนอ ให้จัดเขตปกครองตนเอง โดยแบ่งออกเป็นสามเขต คือ ชีอะฮ ซุนนี่ และเคิร์ด พวกเขาคิดว่า วิธีนี้จะเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาในอิรักได้ [10]

ปฏิบัติการของ ISIS ในการจู่โจม เมืองซุนนี่ ในโมซูล และการประกาศการเป็นคอลีฟะฮ์ในดินแดนนี้ จึงเป็นเหมือนก้าวแรกในการทำให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จ และการแบ่งอำนาจให้กลายเป็นส่วนเล็กๆ จะทำให้ สุขภาพของอิสราเอลมั่นคงยิ่งขึ้น

สรุป :

จากข้อบ่งชี้ทั้ง 8 นี้ สามารถทำให้เรามองเห็นภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐ ตะวันตก ไซออนิสต์ กับ ISIS ได้ดียิ่งขึ้น และเมื่อทำการวิเคราะห์ถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จะทำให้เราได้คำตอบอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ที่สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการต่อกลุ่ม ISIS คือ ประเทศอาหรับบางประเทศ และประเทศตุรกี [11]ซึ่งกำลังถูกโปรโมตให้มีภาพลักษณ์เป็นประเทศอิสลามอยู่ในขณะนี้ การค้นหาความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ สามารถเริ่มต้นได้จากการตั้งคำถามว่า ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์จากเกมส์ในครั้งนี้ ?

ประวัติศาสตร์อันขมขื่นในช่วงหลายปีที่ผ่าน มา เกี่ยวกับบทบาทของกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง ได้ชี้ให้เห็นว่า เป้าหมายของพวกเขา คือการเปลี่ยนกระแสการตื่นตัวของโลกอิสลาม การเปลี่ยนกระแสต่อต้านอิสราเอล,ความพยายามในการทำให้เรื่องปาเลสไตน์เป็น เรื่องที่ไม่สำคัญ

และจากปฏิบัติการที่ไร้ผลของ US ได้ข้อสรุปว่า สหรัฐไม่เคยคิดที่จะจริงจังในการปราบปราม ISIS เพียงแต่ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์เท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่จะต้องพึงระวังมากที่สุด คือ การไม่ตกเป็นเหยื่อของความหลอกลวง….

 

อ้างอิง
[1] http://english.al-akhbar.com/node/21519

[2] สามารถชมคลิปวิดิโอ ได้ตามลิ้งนี้ http://www.washingtonpost.com/news/checkpoint/wp/2014/10/21/u-s-accidentally-delivered-weapons-to-the-islamic-state-by-airdrop-militants-allege/?Post_generic=%25%DB%B3Ftid%25%DB%B3Dsm_twitter_washingtonpost

[4] www.washingtonsblog.com/2014/09/turkey-israel-directly-supporting-isis-al-qaeda-syria.html

[5] http://www.washingtonpost.com/blogs/worldviews/post/syria-revolution-revolt-against-bashar-al–assads-regime/2011/03/15/ABrwNEX_blog.html

[6] http://www.ynetnews.com/articles/0,7340,L-4575977,00.html

[7] https://www.middleeastmonitor.com/news/americas/14162-un-rebuilding-syria-iraq-and-gaza-will-cost-750bn

[10] http://www.al-monitor.com/pulse/politics/2014/08/turkey-iraq-usa-isis-biden-syria.html#

[11] www.washingtonsblog.com/2014/09/turkey-israel-directly-supporting-isis-al-qaeda-syria.html