คำเตือนสำหรับคนที่ชอบเล่นมือถือในระหว่างนอนหลับในความมืด เพราะการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของท่านได้
ผู้หญิงสองคนได้รับการยืนยันว่าตาของเธอได้บอดสนิท เพราะว่าเธอมีพฤติกรรมชอบใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือของเธอในที่มืด และตอนนี้บรรดานายแพทย์ได้ออกมาย้ำเตือนไปยังผู้ใช้มือถือคนอื่นๆ
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ทางหน่วยข่าวของทางการแพทย์ประเทศอังกฤษ กลุ่มนายแพทย์ได้ออกมาแถลงข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับกรณีของสองหญิงสาวดังกล่าว ที่มีอายุ 22 ปี และอีกคนอายุ 40 ปี ที่ตาของเธอได้บอด ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการมีพฤติกรรมใช้เครื่องมือถือในที่มืดมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน
ผู้หญิงทั้งสองคนดังกล่าวได้เข้ามาร้องเรียนว่า เธอได้สูญเสียการมองเห็นประมาณ 15 นาที และอาการเช่นนี้มันจะเกิดขึ้นซ้ำซาก
ซึ่งทั้งสองคนได้ดำเนินการตรวจสอบรักษาอาการตาบอดของเธอตามหน่วยสถาบันต่างๆ
ใช้ตาเพียงข้างเดียว
อย่างไรก็ตามทางด้านนายแพทย์เองมิอาจระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ของอาการที่กำลังเกิดขึ้นกับหญิงสาวทั้งสองดังกล่าว
แต่ในที่สุดความปริศนาดังกล่าวสามารถค้นพบคำตอบได้อย่างสำเร็จหลังจากที่เธอทั้งสองได้เข้าพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคตา
“ผมก็แค่ถามพวกเธอว่า อะไรเป็นสิ่งที่พวกเธอชอบปฏิบัติเป็นประจำก่อนที่จะมีอาการการสูญเสียการมองเห็นในครั้งนี้?” ตามการให้ข้อมูลของนายแพทย์ ดร.กอร์ดอน พลาน จากโรงพยาบาลตาโมร์ฟลล์แห่งกรุงลอกดอน
ซึ่งพวกเธอได้บอกว่า ทั้งสองนั้นชอบมีพฤติกรรมใช้เครื่องมือถือเพียงแค่ใช้เพียงข้างเดียวเท่านั้น ในช่วงที่กำลังนอน ในขณะที่อีกข้างหนึ่งนั้นถูกบดบังกับหมอน
“ฉะนั้นก็เหมือนว่า ดวงตาของเธออีกข้างหนึ่งนั้นได้มองเห็นแสงจากมือถือ ส่วนอีกข้างหนึ่งนั้นอยู่ในสภาพแสงที่อยู่ในความมืด” เขากล่าว
และเมื่อพวกเธอได้วางเครื่องมือถือลง พวกเขาไม่สามารถมองเห็นกับดวงตาข้างนั้นได้ที่ก่อนหน้านั้นได้ใช้ดูเครื่องมือถือ ซึ่งหมายความว่าดวงตาดังกล่าวต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับสภาพการมองเห็นเพื่อกลับไปสู่โหมดที่สามารถมองเห็นในความมืดตามปกติ นายแพทย์กอร์ดอน กล่าว.
เขาได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สภาพการมองเห็นดังกล่าวมิอาจเป็นอันตรายเท่าใดนัก หากว่าเธอทั้งสองมองเห็นหน้าจอมือถือในที่มืดด้วยดวงตาทั้งสอง
ยังไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ
โฆษกนักวิชาการจากอเมริกาท่านหนึ่ง ดร.ราหูล คูรานา ได้กล่าวถึงเกี่ยวกับทรรศนะของนายแพทย์ ดร. พลาน ว่าถือเป็นทรรศนะที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองกรณีดังกล่าวไม่มีน้ำหนักพอในหลักฐานที่จะบ่งชี้ว่า การใช้เครื่องมือสื่อสารด้วยดวงตาข้างเดียวในที่มืดนั้น คือต้นเหตุของการมืดบอดในระยะสั้นๆ ดังกล่าว
และเขายังมีความกังวลว่าผู้ใช้เครื่องมือสื่อสารในสภาพดังกล่าวอาจมีความเป็นไปได้ว่าอาจเจอพฤติกรรมดังกล่าว