ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมสภากลาโหม พอสรุปสาระหลักที่มี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาให้ข่าวโดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธานการประชุม ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ได้รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของ 7 แผนงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
“สาระ หลัก คือการพูดคุยเรื่องการเจรจาสันติภาพที่มีการสะดุดไป โดยที่ประชุมพอใจในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ และผบ.ทบ.ยังคงดำเนินการในการพูดคุยต่อไป”
ด้านพ.อ.ปภาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุการประชุมสภากลาโหมมีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 6 และ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอให้หน่วยที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการการปฏิบัติงานในพื้นที่ให้มากยิ่ง ขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว พร้อมทั้งให้หน่วยงาน ด้านข่าวกรองได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการพัฒนาเสริมสร้างความมั่นคงภายใต้กฎหมายที่กำหนด
ในที่ ประชุมได้สรุปผลงานการปฏิบัติงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการปฏิบัติการเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบต่อเป้าหมายกลุ่ม ผู้ก่อเหตุความรุนแรงทั้งพื้นที่บ่มเพาะ คือ หมู่บ้าน สถานศึกษา และป่าเขา รวมถึงการป้องกันปัญหาภัยแทรกซ้อน โดยจะมีการประสานการทำงานกันอย่างจริงจัง ซึ่งการปฏิบัติงานเชิงรุกสามารถลดการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมาได้ และทำลายการลอบวางระเบิดต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนได้ โดยมีการตรวจพบหลุมที่เตรียมการระเบิด 88 หลุม และทำลายวัตถุระเบิดได้ 28 ครั้ง ส่วนการปฏิบัติงานเชิงรับ จะเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย โดยจะดูแลพื้นที่เกิดเหตุและรักษาความปลอดภัยในสถานที่ตั้งต่างๆของทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่สามารถเข้าไปกระทำได้ พร้อมกันนี้ยังมีการจัดตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 116 จุด และจุดตรวจเคลื่อนที่อีก 28 จุด รวมถึงการลาดตระเวนของหน่วยทหาร
ประเด็น สาระสำคัญคือในระหว่างการหารือนอกรอบระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์กับผบ.เหล่าทัพ เกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเดินหน้าพูดคุยเพื่อสันติภาพที่หยุด ชะงักไป และมีการหารือถึงการคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.) ให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะเจรจาแทน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาฯสมช.
“ได้รับการยืนยันจาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าสามารถทำได้ เพราะการเจรจามีกรอบและขั้นตอนที่หน่วยงานเกี่ยวข้องได้ดำเนินการไว้ แต่ขณะนี้อยากให้พิจารณาผู้เข้าร่วมพูดคุยใหม่ ซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ และมีอิทธิพลในการสั่งการผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่จริงๆ เพราะในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แกนนำและโครงสร้างของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเปลี่ยนแปลงไป”
วัน เดียวกันจากเหตุระเบิดเขตเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ขยายผลจากหลักฐาน ก่อนเชิญตัวผู้ต้องสงสัย มาเข้ากระบวนการซักถามพบ 7 ใน 10 คน มีความเกี่ยวข้องทั้งให้การยอมรับ ขณะที่บางรายยังปฏิเสธ
โดยที่เหตุ คนร้ายนำระเบิดบรรจุในถังแก๊สน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ซ่อนในรถกระบะ มาจอดที่หน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส อ.เมือง จ.ยะลา แล้วจุดชนวนระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 28 ราย และคนร้ายยังได้นำระเบิด ซุกซ่อนในรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง มาจอดที่ร้านฟ้าใส ถนนสิโรรส แล้วจุดชนวนระเบิด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งยังได้นำระเบิดมาวางอีก 2 จุด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ส่วนวันที่ 7 เม.ย. คนร้ายได้ลอบวางระเบิดร้านสะดวกซื้อ โกดังสินค้า สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท
มีรายงานจากชุดสืบสวน สอบสวน ระบุว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้หาหลักฐานต่างๆทั้งกล้องวงจรปิด และพยานบุคคล จนสามารถขยายผลไปเชิญตัว บุคคลต้องสงสัย ที่อาจจะมีส่วนรู้เห็น หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกลุ่มที่ก่อเหตุ ได้จำนวน 10 ราย มีภูมิลำเนาอยู่ทั้งที่จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มาเข้าสู่กระบวนการซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา พบว่า มีผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว 3 ราย จึงปล่อยตัวไป
ยังมี 4 ราย คือ 1.นายนูรดิน ลีมา อายุ 27 ปี โดยมีหลักฐานเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ร้าน 7-11 สาขาจารูพัฒนา อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิด 7 เม.ย. โดยในเบื้องต้นยังให้การปฎิเสธ 2.นายรอมือลี เต๊ะซา อายุ 25 ปี โดยมีหลักฐานเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ซุกซ่อนระเบิด ไปจอดที่ข้างร้านฟ้าใส เมื่อวันที่ 6 เม .ย. ในเบื้องต้นยังให้การปฎิเสธ 3.นายรีดวน เด็ง อายุ 21 ปี ซึ่งในเบื้องต้นให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่า เป็นผู้ดูต้นทางให้คนร้ายที่นำระเบิดไปวางภายในร้าน 7-11 สาขา ถนนสิโรรส 1 เมื่อวันที่ 7 เม.ย. และ4.นายอับดุลรอมัน ดีสะเอะ อายุ 21 ปี ซึ่งมีหลักฐานว่า ในวันเกิดเหตุมีการติดต่อประสานงานกับนายรีดวน เด็ง แต่เบื้องนายอับดุลรอมัน ยังให้การปฎิเสธ ทั้งหมดได้ส่งตัวไปควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนนายมูฮัมหมัด บาเกาะ อายุ 30 ปี ให้การว่าเป็นผู้ดูต้นทางที่หน้าศูนย์เยาวชน เทศบาลนครยะลา ในวันที่ 6 เม.ย. และนายก๊อดรี สามะอาลี อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีระเบิด เมื่อวันที่ 6 เม.ย. เนื่องจากพบเสื้อยืดสีส้ม ตรงกับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่นายก๊อดรี ให้การปฎิเสธ ส่วนนายซาพูดิง สาและ อายุ 35 ปี ในเบื้องต้นให้การว่าเป็นผู้ดูต้นทางให้คนร้ายที่ขับรถกระบะซุกซ่อนระเบิด เข้าไปจอดที่หน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ทั้ง 3 ราย อยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติม
บทเรียน ระเบิดตัวเมืองจ.ยะลา ทำให้การเจรจาสันติภาพต้องเดินหน้า และคนที่จะเข้ามารับผิดชอบหลักคือนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช. ซึ่งมีความสัมพันธือย่างดีกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผอ.รมน.ในการคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นชายแดนใต้
เหตุ ระเบิดตัวเมืองจ.ยะลา ช่วงต้นเม.ย.ที่ผ่านมา เสมือนเป็นสัญญาณเตือนเลขาฯสมช.คนใหม่ที่เข้ามารับงานต่อจาก”พล.ท.ภราดร”มา ทำหน้าที่เจรจาสันติภาพใต้
ทั้งเมื่อรวมเหตุสดๆร้อนๆ จากกรณีระเบิดใจกลางเมืองหาดใหญ่
ต้องติดตามว่า”ถวิล”จะทำได้ดี และความสงบทางใต้จะเกิดขึ้นได้ในช่วงนั่งตำแหน่งได้มากน้อยแค่ไหน


