นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ แถลงประณามเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในเมืองซูรุคของตุรกี ใกล้กับชายแดนซีเรียเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.58)ว่าเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและป่าเถื่อน ไม่ต่างจากที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ โดยนายปูตินได้ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติร่วมมือกันกำจัดขบวนการก่อการร้ายโดยเร็วด้วย
ทั้งนี้ เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นกลางที่ประชุมนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ขององค์กร Federation of Socialist Youth Associations หรือ เอสจีดีเอฟ โดยมีวาระว่าด้วยการส่งความช่วยเหลือไปยังเมืองโคบานีของซีเรีย เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากการโจมตีของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ซึ่งเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 31 ราย และบาดเจ็บอีกราว 100 คน
ด้านสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว ร้านค้าต่างๆ ในซูรุคได้ทยอยกันปิดทำการลง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการโจมตีระลอกถัดไปเร็วๆ นี้ ขณะที่ ประชาชนในพื้นที่จำนวนมากเห็นว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือน ว่าที่นี่จะเป็นเป้าหมายถัดไปของกลุ่มไอเอส
ขณะที่ หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดซูรุคได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายแบบคาร์บอมบ์ขึ้นที่ด่านตรวจเมืองโคบานีเช่นกัน ทำให้สมาชิกของกองกำลังชาวเคิร์ดเสียชีวิตทันที 2 ราย ซึ่งเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองจะเกี่ยวเนื่องกันและเป็นฝีมือของกลุ่มไอเอสด้วย
ก่อนหน้าเหตุระเบิดไม่กี่วัน กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย ที่มีฐานปฏิบัติงานอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า จำนวนของทหารเด็กที่ถูกเกณฑ์มาร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส และเสียชีวิต กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีทหารเด็ก 52 รายที่เสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดมีอายุต่ำกว่า 16 ปี
กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนเผยว่า ทหารเด็กเหล่านี้ จะต้องเข้ารับการฝึกฝน และอบรมด้านศาสนาอย่างเข้มงวดในพื้นที่ยึดครองทั้งหมดของกลุ่มไอเอส ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศซีเรีย โดยกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียเปิดเผยว่า แค่ปีนี้ปีเดียว ไอเอสเกณฑ์ทหารเด็กมาร่วมรบแล้วมากกว่า 1,100 คน ซึ่งพวกเขาจะถูกส่งไปประจำการตามจุดผ่านแดนต่างๆ นอกจากนี้ นักรบของกลุ่มไอเอส ยังใช้ทหารเด็กบางคนก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายอีกด้วย
ซึ่งตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา มีทหารเด็กที่ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายแล้วทั้งหมด 8 ราย ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่กองกำลังของชาวเคิร์ด ทางตอนเหนือของอิรัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มาเข้าร่วมรบกับกองทัพอิรัก เพื่อปราบปรามกลุ่มไอเอส