
มีการพบศพชายชาวมุสลิมโรฮิงญาในพม่าในสภาพศรีษะขาด เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ผู้เสียชีวิตได้มีการพูดคุยให้ข้อมูลกับกลุ่มผู้สื่อข่าวในระหว่างการลงพื้นที่ในรัฐยะไข่ ที่อำนวยการโดยฝ่ายรัฐบาลพม่า ทางภาคเหนือของพื้นที่ในรัฐยะไข่ เมื่อวันศุกร์ (23 ธันวาคม)ที่ผ่านมา
ซึ่งทหารได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้งและด้อยพัฒนาแห่งนี้อย่างเข้มงวด ที่มีพรมแดนติดกับชายแดนบังคลาเทศนับตั้งแต่วันที่9 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา
ซึ่งในวันดังกล่าว ได้เกิดเหตุชายฉกรรจ์อาวุธครบมือได้ทำการโจมตีป้อมตำรวจ จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าเสียชีวิตไปทั้งหมด 9 นาย
อย่างน้อยมีชาวโรฮิงญาที่อพยพหลบหนีข้ามไปยังบังคลาเทศจำนวน34,000คน
พวกเขายังอ้างด้วยว่า มีการฆาตกรรมข่มขืน และทารุณกรรมอย่างมากมาย โดยกลุ่มกองกำลังความมั่นคงของพม่า
รัฐบาลพม่าได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและได้โต้แย้งกับชาวชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาที่ไร้สัญชาติดังกล่าว โดยเรื่องสถานะของพวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในปัญหาที่มีความร้อนแรงมากที่สุดภายในประเทศพม่า
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดและแรงจูงใจในการฆาตกรรมชายวัย41 ดังกล่าว
มีการค้นพบร่างผู้เสียชีวิตที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ ของเขาถูกพบลอยอยู่ในแม่น้ำ ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตได้มีการให้ข้อมุลกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารที่ 21 ธันวาคม ในรัฐยะไข่
“ในวันพฤหัสบดี (22 ธันวาคม) ครอบครัวของเขาเปิดเผยว่า เขาได้หายตัวไปภายหลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว” พันตำรวจเอกThetNaing แห่งเมียวดาว กล่าบกับเอเอฟพี
“เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (ศุกร์ 23 ธันวาคม) ผมได้รับการแจ้งว่า ศพของเขาถูกพบในสภาพไม่มี เราได้รับการยืนยันจากชาวบ้านเกี่ยวกับอัตลักษณ์บุคคลตัวตนของผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ทหารได้ฆ่าไปแล้วกว่า 80 คนในรัฐยะไข่ นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการปราบปรามตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ
สองนักข่าวจากประเทศพม่าที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อบอกกับเอเอฟพีพวกเขาเป็นคนสัมภาษณ์ผู้ที่เสียชีวิตเองเมื่อวันพุธ (21 ธันวาคม) ที่บ้านของเขา
การลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวไม่ค่อยได้มีการอนุญาตบ่อยนัก นอกจากเปิดโอกาสให้กับสื่อของรัฐบาลพม่าเท่านั้น
มันได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลพม่าท่ามกลางความกดดันที่มีต่อผู้นำนางอองซานซูจี มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่า