
นายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ ศรี นาจิบ ตนราซัค เปิดเผยว่า ประเทศมาเลเซียไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาของชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา เพื่อคลี่คลายและยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาในประเทศพม่าเพียงลำพังได้
ในขณะเดียวกัน หัวหน้าพรรคอัมโน คนนี้ยังได้กล่าวด้วยว่า ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าว จะสามารถยุติได้ด้วยความร่วมมือของประชาคมระหว่างประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นองค์กรความร่วมมืออิสลามโลกหรือโอไอซี ประชาคมอาเซี่ยน และองค์กรสหประชาชาติ
เมื่อถูกถามถึงการเข้ามาแทรกแซงของต่างชาติในกิจการภายในของประเทศมุสลิม นาจิบ กล่าวว่า มันเป็นสิ่งที่ส่งผลร้ายต่อชาวมุสลิมอย่างแน่นอน นอกจากการสร้างปัญหาความขัดแย้งแล้ว
เพราะเมื่อพวกต่างชาติมีการแทรกแซงกิจการภายใน แน่นอนพวกเขาย่อมมีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา
นอกจากนั้นแล้ว นายกรัฐมนตรี ดาโต๊ะ ศรี นาจิบ ได้ยืนยัน ในฐานะเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีอธิปไตย ประชาชนต้องมีเสรีภาพในการตัดสินใจในการเลือกผู้นำและการชี้ชะตาอนาคตประเทศด้วยตัวเอง และจะไม่ใช่ด้วยการตกอยู่ภายใต้การชี้นำของต่างชาติ
นาจิบ ยังกล่าวด้วยว่า ตามที่เว็บไซต์วิกิลีกและดีซีลีกออกมาเปิดเผยว่า มีเศรษฐีชาวอเมริกาที่ชื่อ George Soros ได้ให้การสรรพอตไปยังกลุ่มคนเพื่อสร้างความปั่นป่วน โดยผ่านมูลนิธิ Open Society Foundation อย่างที่เคยเกิดขึ้นในช่วงอาหรับสปริงในภูมิภาคตะวันออกกลาง
“กลุ่มคนบางกลุ่มได้ออกมายอมรับแล้วว่า ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิ Open Society Foundation จริง คำถามก็คือว่า แน่นอนมันต้องมีทุนจากภายนอกที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศของเราอย่างแน่นอน” นาจิบกล่าว
ในส่วนของเรื่องอื่นๆ นาจิบยังได้กล่าวถึงความพยายามของคนบางกลุ่มที่ได้สร้างประเด็นที่เกี่ยวกับประชาชนในรัฐซาบาฮและรัฐสาราวัก ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลส่วนกลางได้ลิดรอนสิทธิของพวกเขา
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ นาจิบยังกล่าวด้วยว่า ทางรัฐบาลยังมีความมุ่งมั่นต่อการลงนามเมื่อปี 1963.
“สรุปก็คือ เรากำลังอยู่ในกระบวนการศึกษาทั้งหมดของคำนิยามที่มี และหากพบว่าเราได้ดำเนินการลิดรอนสิทธิของชาวซาบาฮและสาราวัคอย่างชัดแจ้ง เราพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง”
http://www.utusan.com.my/berita/nasional/malaysia-tidak-mampu-bersendirian-selesaikan-krisis-rohingya-1.413479#sthash.zez3sYUS.dpuf