ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต เปิดเผยมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปฏิบัติการทางทหารและตำรวจร่วมกันกับทางมาเลเซีย ในการปราบปราบกลุ่มติดอาวุธอาบูไซยาฟ ที่คอยจับกุมชาวประมงตลอดแนวเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ ที่ส่งผลกระทบในด้านธุรกิจและการค้าขาย
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต กล่าวด้วยว่า “ปัญหาด้านความมั่นคงและการทหารที่นับวันยิ่งความอ่อนไหว” ในน่านน้ำดังกล่าวถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญ เมื่อได้พบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ดาโต๊ะ นาจิบ ตน ราซัค และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดูเตอร์เต ยังกล่าวอีกว่า ปฏิบัติการณ์ดังกล่าวทำให้เขาต้องอับอายขายหน้า เพราะว่ากลุ่มอาบูไซยาฟนั้น ตั้งฐานที่มั่นอยู่บนเกาะโจโล ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความยากจน ซึ่งเป็นสถานที่พวกเขาทำการจับกุมตัวประกันไว้ที่นั่น
“ความจริงแล้วเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเรา ทั้งสามประเทศคือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ได้หยิบยกประเด็นเหล่านี้ด้วยความจริงจัง และจำเป็นที่จะต้องยับยั้งมัน เพราะมันส่งผลกระทบในด้านธุรกิจและการค้าขายในภูมิภาคดังกล่าว” เขากล่าว
เขายังกล่าวด้วยว่า การหารือในครั้งนี้ ครอบคลุมไปถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน เส้นทางตามแนวตะเข็บชายแดน และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปฏิบัติการร่วมกันทั้งทางทหารและตำรวจ
ในช่วงของการเดินทางเยือนอินโดนีเซียเมื่อไม่นานมานี้ ดูเตอร์เต ได้กล่าวว่า เขาได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องยุทธศาตรืด้านความคงกับประธานาธิบอินโดนีเซีย โจโกวี วีโดโด และผู้นำอินโดนีเซียเองก็เห็นด้วย
ถึงแม้ว่าการหารือร่วมกันของทั้งสามประเทศจะมีการยกระดับเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่ทางกองกำลังติดอาวุธอาบูไซยาฟยังคงปฏิบัติการลักพาตัวกัปตันเรือสัญชาติมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการหารือดังกล่าวค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะว่าทางฟิลิปปินส์และมาเลเซียมีประเด็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดน อย่างเช่นกรณีปัญหาที่ว่า ทางการมาเลเซียสามารถที่จะไล่ติดตามกองกำลังติดอาวุธได้มากน้อยเพียงใด หากว่ากลุ่มดังกล่าวได้หลบหนีเข้าไปยังเขตน่านน้ำของฟิลิปปินส์
ที่มา http://www.bharian.com.my/node/208578