ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบามา ได้กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 71 ว่า ทั้งสองฝ่ายควรจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน หากอิสราเอลออกมายอมรับว่า อิสราเอลไม่อาจที่จะตั้งถิ่นฐานรกรากบนดินแดนของปาเลสไตน์อย่างถาวรได้ และหากชาวปาเลสไตน์ออกมาต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อและการมีอยู่ของชนชาวอิสราเอล
ความพยายามของ นายบารัค โอบามา ก็เพื่อที่จะฟื้นฟูการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่ขาดสะบั้นลงตลอดระยะเวลาแปดปีที่เขาเข้ามาสู่ทำเนียบขาว ที่จะถูกปัดฝุ่นสนับสนุนครั้งใหม่โดยจอน แคร์รี่ ที่ถูกคว่ำลงเมื่อปี 2014
ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาคาดว่า อาจเป็นไปได้ว่านายบารัค โอบามา อาจมีการร่างข้อตกลงที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้น หรือ “parameter” ในระดับทางการทูต หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 เดือนพฤศจิกายนนี้ผ่านพ้นไป และหลังจากที่เขาจะหมดวาระหน้าที่ไปในเดือนมกราคมปีหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายคนต่างมองว่าอาจส่งผลกระทบต่ออะไรหลายๆ อย่าง
“แน่นอนว่าชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์นั้นจะมีความยินดีอย่างยิ่ง หากว่าปาเลเสไตน์นั้นปฏิเสธการมีอยู่ของอิสราเอล และทางอิสราเอลออกมายอมรับว่าอิสราเอลเองไม่สามารถที่จะตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์และตั้งรกรากกอย่างถาวร” โอบามากล่าว
นายบารัค โอบามา เข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในฐานะประธานาธิบดีอเมริกาเป็นครั้งสุดท้ายที่ตึกสหประชาชาติ และเขายังกล่าวด้วยว่า รัสเซียกำลังพยายามที่จะฟื้นฟูความสำเร็จที่หายไป ด้วยวิธีการที่รุนแรง
โอบามา ยังได้ส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลรัสเซียว่าหากท่าน “ยังคงแทรกแซงปัญหาภายในของประเทศเพื่อนบ้านของท่าน ท่านอาจมีชื่อเสียงในประเทศของท่าน และมันอาจทำให้ความคลั่งไคล้ในชาตินิยมในสักวันหนึ่ง ทว่าในขณะเดียวกัน มันอาจเป็นการลบล้างสถานะของท่านเอง และอาจทำให้บริเวณแนวชายแดนนั้นไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป”
ที่มา http://www.bharian.com.my/node/194850