หน้าแรก รายงาน

กลิ่นตุๆ! แฉเบื้องหลัง “เบนาร์นิวส์” ที่แท้ “รับทุน” รัฐบาลสหรัฐฯ อาจมีวาระซ่อนเร้น

ทีมข่าว “ฟาตอนีออนไลน์” เจาะตรวจสอบข้อมูลประวัติการก่อตั้งของเว็บไซต์ “เบนาร์นิวส์” พบ เป็นโครงการข่าวของ “เรดิโอฟรีเอเชีย” หรือ “วิทยุเอเชียเสรี” องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และ “ซีไอเอ” เพื่อทำสงครามข่าว รายงานล่าสุดของสื่อนี้อาจมีวาระซ่อนเร้นดึงต่างชาติเข้ามาเอี่ยวชายแดนใต้

เว็บไซต์ “เบนาร์นิวส์” สื่อเล็กๆ แนวเอ็นจีโอ ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก กลายเป็นโด่งดังในชั่วข้ามวัน หลังรายงานอ้างแหล่งข่าวจากแกนนำ “อาร์เคเค” ปีกกองกำลังของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN) ที่กล่าวว่า “การวางระเบิดหน้าโรงเรียนบ้านตาบา อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ตอนเช้าของวันอังคาร (6 ก.ย. 2559) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสามราย รวมทั้ง เด็กหญิงนักเรียนอนุบาลและบิดา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับสิบราย รวมทั้งการโจมตีเป้าหมายในภาคใต้ตอนบนเมื่อวันที่ 10 ถึง 12 สิงหาคม เรื่อยมา เป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ต้องการตอบโต้การเจรจาที่ไม่มีความคืบหน้า และแสดงความไม่พอใจต่อความไม่จริงใจของรัฐบาลไทยในการพูดคุยสันติสุข”

สำนักข่าวระดับใหญ่ของไทยและเว็บไซต์หลายสำนักต่างนำรายงานดังกล่าวของ เว็บไซต์ “เบนาร์นิวส์” ไปรายงานอ้างอิงต่อ เนื่องจากเป็นข่าวเจาะชิ้นสำคัญ เพราะหากรายงานข่าวของเบนาร์นิวส์เป็นเรื่องจริง จะเป็นการคลี่คลายข้อสงสัยของคนทั้งประเทศต่อเบื้องหลังของผู้ลงมือก่อวินาศกรรมป่วน 7 จังหวัดภาคใต้หลายจุด เมื่อวันที่ 10 -12 สิงหาคม ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น อาจนับเป็นการยอมรับครั้งประวัติศาสตร์ของฝ่ายขบวนการบรอาร์เอ็นต่อการก่อเหตุของตน เพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายขบวนการฯ ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือประกาศว่าเป็นฝีมือของตนเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

อย่างไรก็ตาม หลังเบนาร์นิวส์เผยแพร่รายงานชิ้นนี้ออกมา ก็ถูกตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูลและความสมเหตุสมผลของข่าว รวมทั้งมีความใคร่รู้ประวัติและตัวตนของสำนักข่าวแห่งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด และมีเจตนาแอบแฝงในการรายงานข่าวหรือไม่??

ทีมข่าว “ฟาตอนีออนไลน์” จึงได้ตรวจสอบข้อมูลประวัติการก่อตั้งของเว็บไซต์ “เบนาร์นิวส์” พบว่า เว็บไซต์ข่าวนี้เพิ่งก่อตั้งเพียงแค่ 1 ปี 8 เดือนเท่านั้น โดยจดทะเบียนโดเมนก่อตั้งเมื่อ วันที่ 18 เดือนธันวาคม 2557 ในนามบริษัท เพอร์เฟค ไพรเวซี่ (Perfect Privacy LLC) ระบุที่ตั้งอยู่ที่เมืองแจ็กสันวิลล์ ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งดูมีลับลมคมใน เพราะ เพอร์เฟค ไพรเวซี่ ก็คือบริษัทบังหน้า หรือนายหน้าให้บริการในการรับจดทะเบียนเว็บไซต์ เพื่อปกปิดข้อมูลเจ้าของที่แท้จริงนั่นเอง!!

นอกจากนั้นยังพบว่า ในเงื่อนไขการใช้บริการ (Terms of Use) ซึ่งเขียนไว้ในหน้าเว็บไซต์ นั้นระบุว่า “เนื้อหาของเว็บไซต์เบนาร์นิวส์ถูกปกป้องตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯ และกฎหมายระหว่างประเทศ” (The contents of BenarNews’ Web site are protected by U.S. and international copyright laws.)

ที่สำคัญ ในหน้าทวิตเตอร์ของเบนาร์นิวส์ ระบุชัดเจนว่า “เบนาร์นิวส์ เป็นโครงการข่าวของ “เรดิโอฟรีเอเชีย”

ทวิตเตอร์ของเบนาร์นิวส์ ระบุชัดเจนว่า “เบนาร์นิวส์ เป็นโครงการข่าวของ “เรดิโอฟรีเอเชีย”
ทวิตเตอร์ของเบนาร์นิวส์ ระบุชัดเจนว่า “เบนาร์นิวส์ เป็นโครงการข่าวของ “เรดิโอฟรีเอเชีย”

ทั้งเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ http://www.rfa.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของเรดิโอฟรีเอเชีย พบว่ารูปแบบ “โลโก้” และรูปแบบ “เว็บไซต์” ของเบนาร์นิวส์ คล้ายกันมากกับของ “เรดิโอฟรีเอเชีย”

รูปแบบ “โลโก้” และรูปแบบ “เว็บไซต์” ของ“เรดิโอฟรีเอเชีย” (บน) และเบนาร์นิวส์ (ล่าง) ที่คล้ายกันมาก
รูปแบบ “โลโก้” และรูปแบบ “เว็บไซต์” ของ“เรดิโอฟรีเอเชีย” (บน) และเบนาร์นิวส์ (ล่าง) ที่คล้ายกันมาก

ดังนั้นเบื้องต้นจึงสามารถเชื่อมโยงได้ว่า เบนาร์นิวส์ ถูกก่อตั้งโดยมี “เรดิโอฟรีเอเชีย” เป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนนั่นเอง

และเมื่อเจาะลึกลงไปพบว่า “เรดิโอฟรีเอเชีย” (Radio Free Asia) ชื่อย่อ RFA หรือในภาษาไทยเรียกว่า “วิทยุเอเชียเสรี” ก็พบว่าเป็น สำนักข่าวของรัฐบาลสหรัฐเหมือนกับ “วอยซ์ออฟอเมริกา” ที่มีรัฐบาลสหรัฐให้ทุนสนับสนุนและเป็นเจ้าของ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารตามนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ

โดยในส่วนประวัติการก่อตั้งของ เรดิโอฟรีเอเชีย” หรือ “วิทยุเอเชียเสรี” ตามข้อมูลของวิกิพีเดียพบว่า ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1950 โดยองค์กรที่เรียกว่า “คณะกรรมการเพื่อเอเชียเสรี” (Committee for Free Asia) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์ มีฐานอยู่ที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ และเมืองดักกากับเมืองการาจี ของปากีสถาน (และอาจจะมีที่อื่นๆอีก) โดยมีองค์กรแม่คือ “มูลนิธิเอเชีย” (Asia Foundation)

จวบจนในปี 1971 ภารกิจของ “ซีไอเอ” สิ้นสุดลงจึงได้ถ่ายโอนความรับผิดชอบไปยัง คณะกรรมการออกอากาศนานาชาติ หรือ BIB (Board for International Broadcasting) และหลังบทบาทของ BIB สิ้นสุดลงในปี 1994 ก็ได้ถ่ายโอนไปอยู่ในการดูแลของสำนักข่าวสารสนเทศของรัฐบาลสหรัฐ ดำเนินการต่อมาระยะหนึ่งและหยุดออกอากาศ จนในปี 1994 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน ได้รื้อฟื้นโครงการนี้ขึ้นมา และเริ่มออกอากาศใหม่ในปี 1996 โดยปัจจุบันเป็นองค์กรที่รัฐบาลสหรัฐให้ทุนสนับสนุน

อนึ่งหลังรายงานของ “เบร์นานิวส์” เผยแพร่ออกไป ในวันเดียวกัน พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่เชื่อว่ารายงานข่าวของสำนักข่าวเบนานิวส์ จะเป็นความจริง โดยจะประสานกับรัฐบาลมาเลเซียขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง พลเอกอักษรา มองว่าไม่มีเหตุผลที่กลุ่มบีอาร์เอ็นจะออกมายอมรับเพราะจะถูกประณามจากหลายฝ่าย อีกทั้งเหตุผลที่อ้างมาก็ไม่สมเหตุสมผล ยืนยันว่าขณะนี้การพูดคุยสันติสุขมีความคืบหน้าไปพอสมควร

ขณะที่ พันเอก ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบรายวันตามปกติ ไม่เกี่ยวโยงกับเหตุระเบิด 7 จังหวัดและการพูดคุย

รวมทั้งกลุ่มมาราปัตตานี แกนนำพูดคุยกับรัฐบาลไทย ที่ล่าสุดได้ออกแถลงการณ์ของกลุ่ม ระบุเจาะจงไปที่เหตุการณ์วางระเบิดหน้าโรงเรียนตาบา อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเช้าวันที่ 6 ก.ย.ซึ่งทำให้มีคนตาย 3 คนรวมไปถึงเด็กและพ่อ และบาดเจ็บอีก 7 คน โดยมาราปัตตานีปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ “มารา ปาตานีประนามการกระทำที่รุนแรงที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน รวมไปถึงเด็ก”

สำหรับทีมข่าว “ฟาตอนีออนไลน์” วิเคราะห์เบื้องต้นว่า การรายงานข่าวของ “เบนาร์นิวส์” ชิ้นนี้อาจมีวาระซ่อนเร้นหลายประการที่ต้องสืบเสาะค้นหา แต่ที่พอมองเห็นได้ตอนนี้ นั่นคือการเป็นเครื่องมือของชาติมหาอำนาจเพื่อดึงองค์กรระหว่างประเทศเข้าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ ซึ่งสอดรับกับข้อเรียกร้องขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนแห่งหนึ่งที่รีบออกมาเรียกร้องให้ยูเอ็นแบนขบวนการบีอาร์เอ็นโดยทันทีหลังเหตุระเบิดที่หน้าโรงเรียนตาบาจนทำให้เด็กเสียชีวิต ที่ทีมข่าว “ฟาตอนีออนไลน์” มองว่าทุกอย่างดูสอดคล้องและ “ประจวบเหมาะเกินไป”

ส่วนรายละเอียดนั้น ทีมข่าว “ฟาตอนีออนไลน์” จะพยายามติดตามมานำเสนอต่อไป

….

คลิ๊กอ่าน! ครั้งแรก! อาร์เคเค “รับ” เป็นผู้ลงมือวางระเบิดหน้าร.ร.ตาบา นราธิวาส และโจมตี 7 จังหวัดใต้