
ชายหนุ่มสองคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งของชุมชนพื้นเมืองในเมืองแคนาดา ที่เพิ่งได้รับทราบว่าเขาทั้งสองได้พลัดหลงจากพ่อแม่ของตัวเองมาเป็นเวลานานถึง 41 ปี
เลออน สวานส่อน และ นายเดวิด ตาจ ต่างคนต่างอาศัยในชุมชนเดียวกันและต่างรู้จักกันและกัน ที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 5.000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ของคนที่นี่คือคนพื้นเมืองเชื้อสายที่มาจากกรีเนชั่น (Cree Nation)
นี่ถือเป็นกรณีการพลัดเปลี่ยนพ่อแม่กรณีที่สองที่เกิดขึ้น ที่ได้เป็นข่าวในปีหลังนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผยว่า นี่ถือเป็นข้อควระวังที่สำคัญ เกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนระบบการให้บริการด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพระดับสูงในการอำนวยการให้กับประชาชน
นายเดวิด ตาจ และนายเลออน สวานส่อน ถูกผลัดพรากจากกันที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลโนเยว์โฮส เมื่อปี 1975
หลังการทดสอบดีเอ็นเอทั้งสองได้ถูกส่งกลับไปยังบ้านพ่อแม่ของคนละคน
นายเดวิด ตาจ ที่อยู่ในอาการร่ำไห้สะอึกสะอื้นในช่วงที่ถูกสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เขากล่าวว่า เขารู้สึกมึนงง ทุรนทุราย และโกรธ
เขากล่าวอีกว่า “และนี่อาจมิอิทธิพลต่อชีวิตของเขาในอนาคตตลอดไป และแน่นอนมันเป็นการที่ยากลำบากในการที่จะฟื้นฟูสภาพจิตที่เนิ่นนาน ”
เขากล่าวอีกว่า คนที่เลี้ยงดูเติบโตเขามา ก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเลออน สวานส่อน “ที่จะยังเป็นพ่อแม่ของเขาวันยังค่ำ” แต่ตอนนี้ เขาได้มีพี่น้องคนอื่นและพ่อแม่อื่นแล้ว
เดวิด ตาจ ได้กล่าวด้วยว่า ครอบครัวทั้งสองจะยิ่งมีความใกล้ชิดมากขึ้นสืบเนืองจากสิ่งใหม่นี้ “เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นเดียวกัน เมื่อมีคนสับเปลี่ยนทารกที่เพิ่งคลอดผิดคนในปีเดียวกัน
กรณีของ ลูเก เมเนียส และ นูรมาน บาร์กมาน ที่ทำให้ เดวิด ตาจ เกิดอยากจะขอพิสูจน์ดีเอ็นเอ
ทางด้าน เอริค โรบินสัน อดีตรัฐมนตีสาธารณสุขแห่งเมืองมานิโตบา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “ทางรัฐบาลเฟอร์ดีนาลเป็นหนี้บุญคุณของคนเหล่านี้”
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านี้ค่อนข้างจะโหดร้าย ซึ่งคงไม่ต่างกันมากนักกับชีวิตของพวกเขาถูกขโมยไป”
รัฐมนตรีสาธารณสุขเจน พีลพอร์ต ได้กล่าวด้วยว่า อาจจะมีการดำเนินการตรวจสอบรายบุคคลเพื่อพิสูจน์และยืนยัน เผื่อจะพบกรณีเช่นนี้จากรายอื่นๆ ที่ยังไม่มีถูกเปิดเผย