หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

ชาวสิงคโปร์สี่คนถูกควบคุมตัวและกักบริเวณฐานมีสนับสนุนกลุ่มไอเอส

ภาพ สถานีวิทยุ Hang FM 106/Facebook

ชาวสิงคโปร์สี่คนที่มีความฝักใฝ่กับกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสถูกควบคุมตัวภายใต้กฏหมายเพื่อความมั่นคงภายในของสิงคโปร์ ตามที่ได้มีการออกแถลงโดยกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์เมื่อวันศูกร์ที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา

สองในสี่นั้นถูกควบคุมตัวหลังจากที่กำลังเตรียมการที่จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อยังประเทศซีเรียเพื่อเข้าร่วมรบกับกองกำลังติดอาวุธดังกล่าว ในขณะที่อีกสองคนถูกสั่งห้ามออกนอกประเทศ

ผู้ต้องหายอมรับพร้อมพลีชีพเพื่อไอเอส

นายรุสลี ฮัมซะฮ์ วัย 50 ปี เป็นพนักงานทำความสะอาดรถ ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่เป็นหนึ่งในสองคนที่ถูกควบคุมตัวเป็นเวลาสองปี

รุสลี เปิดเผยว่า เขาได้ติดตามรับฟังรายหนึ่งจากทางสถานีวิทยุ Hang FM 106 ที่ออกอากาศจากสถานีที่เมืองบาตัมเมื่อปี 2009 ในระหว่างเดือนสิงหาคมกับเดือนกันยายน 2014 ซึ่งสถานีวิทยุดังกล่าวได้แนะนำตำราต่างๆ ที่เป็นแนวสุดโต่ง ที่เกี่ยวกับขบวนการไอเอสโดยเพื่อนๆ ของเขาทางโซเชียลมีเดีย ที่ต่างมีความคิดที่ตรงกัน

“เขาเริ่มมีความสนใจกับการต่อสู้ของกองกำลังรัฐอิสลามดังกล่าว และนับวันเขายิ่งมีความสนใจเป็นเท่าตัว ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อของไอเอสผ่านทางเว็บไซต์ และนับวันแรงปรารถนาในการสนับสนุนกองกำลังดังกล่าวยิ่งมีมากขึ้น และหลังจากนั้นเขาเองยังเชื่อว่า สมาชิกกองกำลังของไอเอสได้ต่อสู้เพื่ออิสลามอย่างแท้จริง และเชื่อว่าการตัดคอ “ศัตรู” นั้น ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

รุสลี พร้อมที่จะเสียสละชีวิตเพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับกองกำลังดังกล่าว เพราะเขาเชื่อว่าอาจได้รับการเป็น “ชาฮีด” ได้ เขาเสริม

รัฐมนตรีมหาดไทยยังกล่าวด้วยว่า รุสลี ยังได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางไปยังซีเรียอีกด้วยเพื่อเข้าร่วมรบกับไอเอส

และเขายังได้มีการแลกเปลี่ยน (แชร์ ) ตำราที่เป็นแนวสุดโต่งอย่างขมักเขม้น เพื่อให้ผู้คนต่างๆ ได้สนับสนุนกองกำลังติดอุธดังกล่าว และเดินทางเข้าร่วมรบในที่สุด

เมื่อเดือนกรกฏาคมปีนี้ รุสลี ถูกจับหลังจากที่เขาเดินทางกลับจากเยี่ยมเยือนครอบครัวของเขาที่เมืองบาตัม

“ในช่วงที่เขาถูกจับกุมตัว เขายังคงมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังติดอาวุธที่ซีเรียให้ได้”

และอีกหนึ่งคนที่เป็นชาวสิงคโปร์ที่ถูกควบคุมตัวคือมูฮัมหมัด โอมาร์ มะฮ์ดี ที่ได้ติดตามฟังวิทยุจากสถานีดังกล่าวเช่นกันเมื่อช่วงปี 2010

เมื่อปี 2012 เขาได้รับอ่านตำราสุดโต่งจากโลกออนไลน์จากอันวาร์ อาว์ลากี จากกลุ่มอัลกออีดะฮ์ ที่เสียชีวิตลงที่เยเมนเมื่อปี 2011 ด้วยเหตุนี้ที่เป็นเหตุให้โอมาร์ต้องค้นคว้าอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับตำราเหล่าอย่างมากมาย รวมไปถึงการโฆษณาชวนเชื่อของไอเอส

เมื่อก่อนถึงปี 2014 โอมาร์ ยังคงมีความสนใจต่อการต่อสู้ของกลุ่มไอเอสกันอย่างต่อเนื่อง และมีความเข้าใจว่า นี่คือเป็นหน้าที่ของเขาในการเข้าร่วมรบกับกองกำลังไอเอส และเขาเองพร้อมที่จะสละชีพอีด้วย

โอมาร์ พยายามหาหนทางความช่วยเหลือจากสมาชิกไอเอสเพื่อที่จะเดินทางไปยังซีเรียพร้อมกับคำแนะนำจากกลุ่มไอเอสอีกด้วย ในการให้คำแนะนำชี้แนะให้กับผู้ที่ต้องการที่จะเข้าร่วมรบกับกองกำลังดังกล่าวที่ซีเรีย

ในการเตรียมการเดินทางไปยังซีเรียนั้น เขาได้ท่องจำคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อกองกำลังไอเอส เพื่อที่จะกล่าวต่อหน้าผู้นำของกลุ่มไอเอส อาบู บากัร อัล-บัฆดาดีย์

“สำหรับโอมาร์นั้น เขาและครอบครัวของเขาจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ตามที่ได้รับมอบหมายโดยกลุมไอเอส อย่างการกล่าวสัตย์ปฏิญาณดังกล่าว”

สองคนที่ฝักใฝ่แนวคิดไอเอสถูกห้ามออกนอกประเทศ

ภรรยาของนายโอมาร์ เดียน เฟซะฮ์อิสมาแอล ซึ่งเป็นแม่บ้านในวัย 34 ปี ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศเช่นกันเป็นเวลาสองปี

ซึ่งผู้ที่ถูกสั่งห้ามออกนอกบริเวณ ไม่อนุญาตที่จะทำการแก้ไขเปลี่ยนข้อมูลประวัติที่อยู่ทะเบียนราษฏร์ ห้ามเปลี่ยนอาชีพ หรือออกนอกประเทศ จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น

เดียน ถือเป็นผู้ที่สนับสนุนต่อกลุ่มไอเอส ที่เธอเชื่อว่าปฏิบัติการณ์ของกองกำลังนักรบไอเอสนั้น ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

เขายังได้สนับสนุนความตั้งใจของสามีที่จะเดินทางเข้าร่วมกับกลุ่มกองกำลังไอเอส พร้อมกับการให้ความสะดวกให้กับครอบในการย้ายไปยังซีเรีย

ชาวสิงคโปร์รายที่สองที่โดนกักบริเวณคือมูฮัมหมัดรีนีย์ นูรมูฮัมหมัด เป็นวิศวกรก่อสร้างในวัย 26 ปี

รีนีย์ได้เรียนวิชาศาสนาที่เป็นการเฉพาะเมื่อปี 2013 และได้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในโลกออนไลน์

หลังจากที่ได้อ่านตำราชุดแนวความคิดของไอเอส เขาจึงมีความคิดตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธและพร้อมจะสละชีพก็ยอม

และเขาเองยังได้รอมริบอดออมเพื่อเป็นทุนในการเดินทางไปยังซีเรีย และยังได้รับทราบถึงวิธีการผ่านทางออนไลน์เกี่ยวกับการเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวอีกด้วยและมีความตั้งใจที่จะนำพาครอบครัวของเขาไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาที่มองในแง่ดีต่อกลุ่มดังกล่าวนั้นได้ลดลงไปบ้างเล็กน้อย ภายหลังจากที่เขาได้อ่านรายงานบทวิเคราะห์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

“เขาได้เปลี่ยนใจที่จะเดินทางไปยังซีเรียเพื่อเข้าร่วมรบกับกองกำลังไอเอส หลังจากที่เขาได้รับการตักเตือนจากคนรอบข้างของเขาว่า “ไม่เป็นที่อนุญาต” ที่จะกระทำการเช่นนั้น เพราะว่าการสู้รบที่ประเทศซีเรียนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา และเขาอาจนำพาครอบครัวสู่อันตราย

รีนีย์จะต้องได้รับคำปรึกษาตลอดช่วงระยเวลาของการถูกกักบริเวณ

ตามข้อมูลของทางการสิคโปร์ มีชาวสิงคโปร์จำนวน 18 คน และสี่คนที่เป็นชาวบังคลาเทศน์ที่ตอนนี้ต้องถูกควบคุมตัว ในขณะที่อีก 24 คนชาวสิงคโปร์ที่ตอนนี้ต้องภายใต้กฏหมายกักขังบริเวณ

ที่มา http://berita.mediacorp.sg/mobilem/singapore/2-rakyat-s-pura-ditahan/3057624.html