อยู่ๆ เขาก็เอยคำว่า “อัลลอฮ์” ในระหว่างที่เธอกำลังพูดคุยทางโทรศัพทร์มือถือในขณะที่กำลังอยู่ในเครื่องบิน ซึ่งสามีภรรยาดังกล่าวถูกสั่งให้ลงจากเครื่องบินดังกล่าว
เดอะวอชิงตันโพสต์ ได้รายงานว่า สามีภรรยาดังกล่าว นางนาเซีย อาลี และนายไฟซอล ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังรัฐโอไฮโอ หลังจากที่เขาทั้งสองกลับมาจากลอนดอนและปารีส เพื่อเฉลิมฉลองในวันครบรอบสิบปีของการแต่งงานกัน
แต่ในขณะที่เธอกำลังอยู่ในเครื่องบิน เขาไม่คาดคิดว่า หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของบริษัทสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่งของอเมริกา ได้แจ้งไปยังกัปตันเที่ยวบินดังกล่าวว่า เขาไม่ค่อยสบายใจกับคู่สามีภรรยาดังกล่าว
เหตุผลที่เขาบอกกับกัปตันเพื่อให้ขับไล่สามีภรรยาดังกล่าวออกจากเครื่องบินก็คือ เพราะว่านาเซียภรรยาของเขา ได้พูดคุยผ่านโทรศัพทร์มือถือและเธอยังได้ปิดหน้าด้วย ในขณะที่สามีของเขาอยู่สภาพเหงื่อแตก
นอกจากนั้นแล้วเจาหน้าที่เครื่องบินยังได้กล่าวอีกว่า สามีภรยาดังกล่าวยังได้กล่าวคำส่า “อัลลอฮ์”
ด้วยเหตุนี้ทางกัปตันจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นบิน จนกว่าคู่สามีภรรยาดังกล่าวจะลงออกจากเครื่องบิน
“เราได้เข้าไปนั่งในเครื่องบินเป็นเวลา 45 นาที”
“อยู่ๆ มีพนักงานคนหนึ่งได้มาถามว่า คุณสามารถออกมาพร้อมกับผมได้ไหม? ผมต้องการสอบถามคุณนิดหน่อย แล้วฉันก็ได้ถามกลับไปว่า แล้วฉันจำต้องเอาสัมภาระลงด้วยไหม แล้วเขาตอบว่า ใช่ครับ จงเอาสัมภาระของคุณลงทั้งหมด คุณไม่สามารถขึ้นเครื่องบินนี้ได้” นาเซียเปิดเผย
ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่การดำเนินการของกัปตันเรือคนดังกล่าว กลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสังคมมุสลิมได้ออกมาให้ความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็น “ความคิดที่สุดโต่ง”
ตัวแทนของคณะกรรมการอิสลามฝ่ายสารสนเทศน์ของอเมริกา นายซานา ฮัซซัน ได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลอเมริกา เพื่อให้ดำเนินการมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ทางกลุ่มยังได้ประกาศอีกว่าจะดำเนินการฟ้องร้องไปกระทรวงคมนาคมของอเมริกาเพื่อเอาผิดต่อบริษัทสายการบินดังกล่าว
ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากเกิดเหตุการณ์หญิงมุสลิมรายหนึ่ง ที่กำลังอยู่ในระหว่างเดินทางกลับไปฮันนี่มูนที่ตุรกีเช่นกัน ที่ได้ถูกไล่ออกจากช่องประทับตราหนังสือเดินทางของสนามบิน เพียงเพราะเธอกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับซีเรีย
http://www.siakapkeli.my/2016/08/sepasang-suami-isteri-diarah-keluar.html