
ถึงแม้ว่าคนเราจะมีกำลังและความพร้อมทางด้านทุนทรัพย์และด้านร่างกายแล้ว ยังมิอาจการันตีได้ว่า คนผู้นั้นจะได้รับโอกาสเดินทางไปแสวงบุญ ณ นครเมกกะฮ์ได้
ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวมุสลิมในมาเลเซียและประเทศอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องรอคิวนานนับปี
จำนวนของโควต้าที่ทางการซาอุดีได้เตรียมไว้สำหรับผู้ที่จะไปแสวงบุญในแต่ละประเทศ ทำให้บางคนนั้นต้องรอถึงช่วงอายุที่เข้าสู่วัยชราก่อนที่พวกเขาจะได้รับโอกาสนั้นมาถึง
วาซี อับดุลฮามิด อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมด้วยความบังเอิญที่เขาและเพื่อนๆ ได้เอ่ยปากคุยถึงเรื่องการไปทำฮัจย์ ว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของเขาเสียทีที่ต้องรอคำตอบการอนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแลด้านฮัจย์ บ้างก็ว่าอาจเป็นปี 2030 และปี 2040
“เมื่อคิดอีกด้านหนึ่งจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า พวกเราจะมีชีวิตถึงวันนั้นหรือไม่เพื่อไปประกอบศาสนกิจข้อที่ห้าของอิสลาม ซึ่งผมก็ได้เปรยออกมาอย่างไม่ได้คาดคิดอะไรว่า ผมตั้งใจจะไปประกอบพิธีฮัจย์ด้วยการขับรถเครื่อง เพราะผมเองเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า ได้เคยมีโครงการการไปทำอุมเราะฮ์ด้วยจักรยานยนต์เช่นกัน”
แล้วเหตุใดถึงไม่มีโครงการสำหรับฮัจย์บ้าง? เขาเอยถามต่อหน้าสื่อมวลชนเมื่อไม่นานมานี้
ควบรถสู่เมืองมักกะฮ์ด้วยระยะทาง 12,500 กิโลเมตร
เขาบอกอีกว่า ตั้งแต่ ณ วินาทีนั้นเป็นต้นมา เขาและเพื่อนๆ ได้ประเกาศผ่านทางสเตตัสของเขาว่า “ขับรถไปแสวงบุญ” (RIDE to HAJJ) เพื่อเรียกร้องเชิญชวนให้กับนักขับที่ต้องการสัมผัสการเดินทางที่มีความท้าทายนี้ ด้วยการขับรถเครื่องด้วยระยะทาง 12,500 สู่เมืองเมกกะฮ์

เกิดที่มีความสนใจนับร้อยคน แต่มีห้าคนเท่านั้น ที่ผ่านการคัดเลือก
“ช่วงแรกนั้นมีผู้คนที่ให้ความสนใจจำนวนนับร้อย แต่เมื่อเราได้มีการทดสอบกัน มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่สามารถผ่านการคัดเลือก ที่พร้อมจะก้าวสู่โลกแห่งความท้าทายนี้ ประกอบด้วย ผมเอง (วาซี) มัตนาปียะฮ์ มูฮัมหมัดนูร 50 ปีมิว อัซฮัร มิว รัฟละฮ์ 43 ปี ซึ่งทั้งสามคนนั้นเป็นคนเปรัค อัซมาน บาฮารุดดีน 52 ปี จากเมืองเซิมบีลัน และอุสมาน ดารุส 47 ปี จากเมืองปีนัง” เขากล่าว
ส่วนใหญ่ต่างคาดว่า ด้วยระยะทางที่ยาวไกลดังกล่าว รถที่จะเข้าร่วมนั้นจำเป็นที่จะต้องเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง
แต่การคาดการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีน้ำหนักพอ เมื่อพวกเขาตัดสินใจใช้รถธรรมดา
วาซี ยังกล่าวอีกว่า พวกเขาจะเลือกใช้การเดินทางด้วยรถเครื่องไปประกอบพิธีฮัจย์
เพราะใช้งบประมาณไม่มากและที่สำคัญสะดวกในการพกพาตามสภาพและความเหมาะสมของแต่ละคน
“แรกเริ่มนั้นผมไม่ได้ขอความช่วยเหลือใดๆ จากที่ไหนมาก่อน ทุกบาททุกสตางค์คือเงินของผมเอง ที่ต่างคนต่างเตรียมไว้ประมาณ 180,000 บาท ” RM18,000 (S$6,000)
“แต่เมื่อเร็วๆ นี้ โดยไม่ได้คาดคิดว่า เราได้รับการสนับสนุนรถให้ใช้ในการเดินทางในครั้งนี้จำนวนห้าคันด้วยกัน และยังมีอีกมากมายที่ได้ส่งความช่วยเหลือในครั้งนี้”

ต้องการขัดเกลาตัวเอง
วาซียังได้เปิดเผยอีกว่า ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เขาอยาก “จะขับรถเครื่องไปแสวงบุญ” ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เพื่อเป็นการทบทวนตัวเอง
ทั้งนี้อดีตแชมป์นักซิ่งคนนี้ไดเอธิบายอีกว่า การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์แรกของพวกเขาทั้งห้าคน และต่างคนต่างมีพื้นเพเบื้องหลังที่แตกต่างกัน ที่ไม่ได้มาจากแวดวงกับการแข่งรถแต่อย่างใด
“มัต นาปียะฮ์ เป็นเจ้าของสวน มิวอัซฮัรเป็นคนขับรถเทรดเตอร์ อัสมานพนักงานออฟฟิศ ในขณะที่อุสมานเป็นพนักงานทั่วไป และยังมีคำถามอีกว่า เหตุใดไม่ได้พาคุณหมอไปด้วย หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านร่างกาย แต่ในเมื่อได้วางแผนไปแล้วสุดท้ายเป็นความประสงค์ของพระเจ้าที่ได้กำหนดไว้แล้ว” เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
จงหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างอิรัค
เมื่อถูกถามว่า อะไรที่เป็นความท้าทายที่สุดที่พวกเขาจำเป็นต้องพบเจอ เขากล่าวว่า จากการที่ดูแล้วมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เป็นความท้าทายตลอดการเดินทางกืคือ สถานการณ์ของแต่ละประเทศ สภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศ
“เราต้องมีความพร้อมกับการรับมือกับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ บางพื้นที่มีอากาศหนาวติดลบศูนย์องศา และบางพื้นที่มีความร้อนมากถึง 50 องศา และเราเชื่อว่าในบางประเทศเราจะต้องประสบกับความยากลำบากอย่างแน่นอน เช่น ประเทศพม่า อินเดีย อิหร่าน และอิรัค”
“นอกจากนั้นแล้ว เราเองยังมีวิสัยทัศน์เป็นของเราเอง นั่นก็คือ “ขับรถไปประกอบพิธีฮัจย์” นั่นหมายถึงเราต้องมีปฏิทินการเดินทางของเราที่ชัดเจน ด้วยระทางที่ยาวไกลถึง 12,500 กิโลเมตรเพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้เราจำเป็นที่จะต้องขับรถไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้บรรลุภารกิจนี้ ที่จะต้องถึงประเทศซาอุดีอารเบียในวันที่ 5 กันยายน
พวกเขายังได้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นตลอดช่วงการเดินทางในครั้งนี้ รวมไปถึงเครื่องอุปกรณ์อะไหล่รถอีกด้วยและเต้นท์ หากว่าตลอดช่วงการเดินทางนั้นพวกเขาไม่ได้พบกับสถานที่พักระหว่างทาง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาเองก็หวังคำอวยพรจกชาวมาเลเซียทั้งหลาย เพื่อให้การเดินทางในครั้งนี้สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดๆ
“เราจะพยายามอัพเดทความเคลื่อนไหวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เกี่ยวกับข้อมูลความเคลื่อนไหวตลอดการเดินทาง สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความคืบหน้าการเดินทางของพวกเราสามารถติดตามได้ในเพจของเรา’Ride To Hajj ”
ในขณะเดียวกัน วาซี ได้กล่าวว่า สองในสามคันรถเครื่องที่ใช้ในการเดินทางในครั้งนี้ จะบริจาค(วากัฟ) ให้กับสมาคมนักเรียนมาเลเซียในเมืองเมกกะฮ์ และที่เหลือก็จะนำกลับมายังมาเลเซียเพื่อกลับมาแสดงให้ผู้คนได้เห็นหลังกลับจากทริปนี้

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน2016 นายกรัฐมนตรีนาจิบตนราซัค ได้ปล่อยแถวการเดินทางทั้งห้าคน ณ ลานหน้าศูนย์การค้าปุตรา
รองนายกรัฐมนตรีดาโต๊ะ ศรี อัฮหมัด ซาฮีด ฮามีดี รัฐมนตรีเยาวชนและการกีฬา คอยรี ญามาลุดดีน และเลขาธิการพรรคอัมโน ดาโต๊ะศรี เต็งกู อัดนาน เต็งกู มันโซร์ เข้าร่วม
ที่มา http://berita.mediacorp.sg/mobilem/world/5-naik-motosikal-dari-m/3018868.html