บรรดานักเคลื่อนไหวอิสลามได้เรียกร้องเพื่อที่ว่าการเปลี่ยนแปลงกฏหมายดังกล่าวจะมีผลและสามารถดำเนินการได้ และยังได้เน้นย้ำอีกว่า สังคมที่มีความเสรีทางเพศนั้น ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ได้เป็นตัวบ่อนทำลาย “ศีลธรรม” ของคนในชาติ ที่ส่วนใหญ่มีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลาม
ความพยายามดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากกลุ่มรักร่วมเพศหรือกลุ่มเกย์ในประเทศอินโดนีเซีย เริ่มมีการดำเนินการแผ่ความนิยมอย่างจริงจังนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่คณะรัฐมนตรีและบรรดากลุ่มนักการศาสนาได้ออกมาประณามกลุ่มรักร่วมเพศ และในขณะเดียวกันเว็บไซต์ของกลุ่มดังกล่าวถูกปิดกั้น
“เราเห็นว่ามีความเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม”
ทางด้านศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียกำลังพิจารณาข้อกฏหมายที่กำลังเรียกร้องโดยนักเคลื่อนไหวอิสลาม และสมาคมคนรักครอบครัวที่ต้องการให้มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อกฏหมายที่ว่าด้วยอาชญากรรม เพื่อให้การรักร่วมเพศดังกล่าวเป็นสิ่งผิดกฏหมาย
“เราเห็นว่ามีความเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม” นางริตา แฮนคราวาตี โฆษกของกลุ่มสมาคมคนรักครอบครัว กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
“เหนือสิ่งอื่นใดเรามีความหวังดีต่อประเทศชาติ เราจำเป็นต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่” เขากล่าว
ซึ่งตอนนี้อิทธิพลของกลุ่มคนรักร่วมเพศนับวันยิ่งมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่สหรัฐอเมริกาได้มีการอนุญาตให้คนรักร่วมเพศสามารถแต่งงานกันได้ ภายใต้กฏรัฐธรรมนูญทั่วไปของสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว
ภายใต้กฏหมายปัจจุบันนี้ เรื่องเซกซ์ถือว่ามีความผิดตามมาตราเกี่ยวกับคนสองคนหรือการอยู่เพียงลำพังสองต่อสองและบุคคล หากว่าเกิดกับเด็กที่มีอายุน้อย
ศาสกำลังถกข้อกฏหมายดังกล่าว
การยกร่างข้อกฏหมายดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมและศาลได้จัดเวทีเพื่ออภิปรายประเด็นดังกล่าวจำนวนห้าเวที รวมไปถึงเวทีที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์นี้ โดยการนำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ที่คอยทำความเข้าใจ และเวทีครั้งต่อไปอาจจัดขึ้นในเดือนนี้เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางศาลจะให้คำตอบฉันทามติเมื่อใด
อย่างไรก็ตามทางศาลได้มีการชี้แจงผ่านหน้าเว็บไซต์ว่า กำลังอยู่ในช่วงของการอภิปรายในประเด็นดังกล่าว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอนามัย รวมไปถึงข้อสงสัยที่ว่า การสมสู่กับเพศเดียวกันอาจส่งผลกระทบให้เกิดโรคต่างๆ ผ่านการมีความสัมพันธุ์
อย่างไรก็ตามการมีความสัมพันธุ์ในกลุ่มชายรักชายยังคงถูกต้องตามกฏหมายของอินโดนีเซีย แต่ถึงกระนั้นเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่อับอาย
บางพื้นที่ของอินโดนีเซียได้อนุมัติกฏหมายที่ว่าด้วยการมีความสัมพันธุ์ในลักษณะดังกล่าวที่ขัดกับหลักชารีอะฮ์
ในขณะที่กฏหมายของอินโดนีเซียที่ว่าด้วยการมีความสัมพันธุ์ของเพศเดียวกันยังอยู่ในลักษณะที่ยังเปิดกว้างอยู่ เมื่อเทียบกับกฏหมายของประเทศเพื่อนบ้าน
เช่นในประเทศสิงคโปร์การมีความสัมพันธุ์กับชายกับชายหรือเพศเดียวกันยังเป็นสิ่งผิดกฏหมายอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อบัญญัติที่ได้รับจากรัฐบาลในยุคการล่าอาณานิคมในอดีต
ในขณะที่ในประเทศมาเลเซีย การสมสู่กันในเพศเดียวกันถือเป็นอาชญากรรมที่มีโทษสูงสุดจำคุก การเฆี่ยน หรือถูกปรับ
http://berita.mediacorp.sg/mobilem/world/mahkamah-indonesia/3016562.html