ประธานาธิบดีโจโกวี วิโดโด ในการกล่าวสุรทรพจน์เปิดการประชุมสุดยอดโลกเศษฐกิจอิสลาม (World Islamic Economic Forum (WIEF)) ครั้งที่ 12 ได้เรียกร้องให้ประเทศมุสลิมร่วมกันขับเคลื่อนในด้านเศษฐกิจของโลก ที่ยังคงมีความดระเตื้องช้า อันเนื่องมาจากปัญหาที่เกิดขี้นเมื่อแปดปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจโกวี วิโดโด ได้ออกมายอมรับว่าสังคมมุสลิมยังคงมีความล้าหลังในด้านการสื่อสาร สังคมเนตเวิกร์ และด้านเทคโนโลยี
การประชุมสุดยอดโลกเศษฐกิจอิสลาม ที่ยังคงดำเนินการประชุมถึงวันศุกร์นี้ มีการเข้าร่วมของผู้นำหลายๆ ประเทศ อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีมาเลเซียนาจิบ อับดุลราซัค ประธานาธิบดีจาจิกิสถาน อิโมเลีย เราะห์มาน และประธานาธิบดีศรีลังกา
ประธานาธิบดีโจโกวีได้กล่าวว่า สังคมมุสลิมในโลกจะได้ประโยชน์จากความเข้มแข็งที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วนั่นก็คือจำนวนประชากรของมุสลิมในโลกที่มีเป็นจำนวนมาก
สังคมมุสลิมแล้วตามที่ท่านประธานาธิบดีโจโกวีกล่าวก็คือ เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็งทางด้านภูมิศาสตร์และจำนวนประชากรที่ดี เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของศาสนาอื่นที่มีอยู่ในโลก
“ในขณะที่ชาวมุสลิมที่อยู่ในวัยกลางคนทั่วโลกก็คือ 23 ปี ในขณะที่ศาสนาอื่นอยู่ที่ 30 ปี” โจโกวีกล่าว
และเขายังกล่าวด้วยว่า ความเข้มแข้งที่โลกมุสลิมมีอยู่ยังคงเติบโตแพร่หลาย เฉกเช่น การใช้กฏหมายอิสลาม แฟ่ชั่นอิสลาม ตลอดจนการเผยแพร่ผลงานสิงปะอิสลาม
ประเด็นเรื่องการเงินอิสลาม โจโกวี ได้ยกตัวอย่างว่า ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นธุรกรรมทางการเงินที่มีจำนวนหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่คนมาใช้ธุรกรรมทางการเงินมิเพียงแต่เป็นคนมุสลิมเท่านั้น แม้กระทั่งคนที่ไม่ใช่มุสลิมเอง
อุปสรรคที่หนักมาก
อย่างไรก็ตาม โจโกวีเองไม่ได้มองเห็นถึงอุปสรรคที่โลกมุสลิมกำลังประสบอยู่ ณ ตอนนี้ ที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคที่หนักพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสื่อสารและเทคโนโลยี
“ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ เรายังไม่สามารถที่จะเอาชนะได้ในการแข่งขันด้านนี้ และหากว่าเราเองไม่ได้ฝึกฝนสังคมของเราให้ทันโลกทันสมัย นับวันโลกอาจทิ้งตัวเอาไป” เขากล่าว
การเผชิญกับสภาพการณ์เช่นนี้ โจโกวีกล่าวว่า จะไม่มีทางลัดอย่างแน่นอน “คงไม่มีกระสุนที่วิเศษ” เขากล่าวต่อหน้าผู้เข้าร่วม ซึ่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้กล่าวย้ำว่า อุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ ก็คือ ความพยายามในการเสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่มีการเปิดโลกทัศน์มากขึ้น
“เราควรที่จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ที่คับแคบของเรา ที่เป็นวัฒนธรรมที่ไม่ได้ปิดกั้นความแตกต่างของเรา แต่เป็นการให้ความเคารพในความแตกต่างที่มีอยู่”
