เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา ทางการสิงคโปร์ได้เปิดเผยการเผยแพร่สื่อของกลุ่มไอเอส ชื่ออัลฟาตีฮีนที่ได้เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ด้วยภาษามลายู เพื่อให้เป็นสื่อที่ต้องห้ามและถือเป็นความผิดหนึ่งในการเผยแพร่หรือครอบครองสื่อดังกล่าว
หนังสือพิมพ์อัลฟาตีฮีนถูกเผยแพร่โดยฟูรัตมีเดีย ซึ่งเป็นสำนักสื่อหนึ่งที่มีความข้องเกี่ยวกับกลุ่มเคลื่อนไหวรัฐอิสลามหรือไอเอส
ในการแถลงข่าวดังกล่าวที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลและข่าวสารของสิงคโปร์ได้ออกมาเน้นย้ำว่า กลุ่มไอเอสถือเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวที่กำลังเคลื่อนไหวคุกคามต่อความมั่นคงและความเสถียรภาพของสิงคโปร์ ซึ่งหนังสือพิมพ์อัลฟาตีฮีน ถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของกลุ่มไอเอสในการเผยแพร่แนวคิดของกลุ่มดังกล่าวสู่ต่างประเทศ ด้วยความมุ่งหมายที่ชัดเจน ในการวางรากฐานและการเผยแพร่ให้กับคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้นี้เพื่อให้เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีรายงานว่า ทางการมาเลเซียเองก็ได้มีการสั่งระงับการเข้าถึงเว็บไซต์จำนวน 11 เว็บไซต์ ที่เชื่อว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่แนวคิดดังกล่าว ที่ดำเนินการในรูปแบบภาษามลายู
“ทางการสิงคโปร์เองไม่ได้มีการอะลุ่มอะล่วยแต่อย่างใด กับการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มเคลื่อนไหวไอเอสและด้วยเหตุนี้ จึงได้ตัดสินใจในการออกมาตรการสั่งห้ามหนังสื่อพิมพ์อัลฟาตีฮีนที่สิงคโปร์ดังกล่าว”
ในการแถลงข่าวดังกล่าว ทางด้สนรัฐมนตรีมหาดไทยสิงคโปร์ ยะโก๊บ อิบราเฮม ก็ได้กล่าวว่า “เป้าประสงค์ในการเผยแพร่สารอัลฟาตีฮีนของกลุ่มไอเอสนั้นก็คือ เพื่อการเผยแพร่แนวคิดและชุดอุดมการณ์ของกลุ่มในภูมิภาคแห่งนี้”
“เนื้อหาในอัลฟาตีฮีนดังกล่าวที่เผยแพร่ในภาษาอินโดนีเซีย ที่ผู้คนในภูมิภาคนี้ได้สื่อสารกัน แสดงให้เห็นว่าเป็นที่ชัดเจนว่า การเผยแพร่ดังกล่าวก็เพื่อเผยแผ่อิทธิพลต่อประชากรที่อยู่ในภูมิภาคแห่งนี้และเป็นการคุกคามความสงบสุขในภูมิภาคแห่งนี้อีกด้วย”
“ประเทศสิงคโปร์ไม่ดคยเปิดพื้นที่ให้กับความคิดสุดโต่ง เรามิอาจให้มันมาตั้งรกรากแผ่ขยายแนวคิดในที่นี้ได้โดยเด็ดขาด เราได้เลือกใช้วิธีการที่เด็ดขาดต่อการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มดังกล่าว และเราอาจใช้มาตรการขั้นรุนแรงหากจำเป็น เพราะฉะนั้นผมได้สั่งการไปแล้วว่า เรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องผิดกฏหมายสำหรับเรื่องนี้ในสิงคโปร์” ดร.ยะโก๊บกล่าว
ในการแถลงข่าวเรื่องเดียวกัน รัฐมนตรีมหาดไทยสิงคโปร์กล่าวว่า ด้วยการที่ไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายในการคิดที่จะครอบครองหรือครอบครองหนังสือพิมพ์ดังกล่าว โดยการไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ใครก็ตามที่พบว่ามีความผิด จะต้องได้รับโทษปรับหรือด้วยการจำคุก หรือจะทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา http://berita.mediacorp.sg/mobilem/singapore/mci-s-pura-haramkan/2978936.html



