หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

รัฐบาลพม่าเอาจริง ออกกฎหมายควบคุมกลุ่มพุทธสุดโต่ง

ภาพกลุ่มพระภิกษุที่ออกมาชุมนุมพร้อมป้ายผ้าทีว่า “ผู้สนับสนุนชาวโรฮิงญาคือศัตรูของเรา”

รัฐบาลพม่าได้กล่าวประณามและได้กดดันกวดขันอย่างเข้มงวดต่อกลุ่มชาวพุทธพม่า รวมไปถึงกลุ่มพระภิกษุหัวรุนแรง เพื่อเป็นการควบคุมความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นที่มาจากความแตกต่างทางด้านความเชื่อและกลุ่มชาติพันธุ์ ที่เป็นเหตุให้มัสยิดจำนวนสองแห่งถูกทำลายอย่างยับเยินและประชาชนชาวมุสลิมต้องอพยพหนีตายจากหมู่บ้านของตนเองเป็นจำนวนมาก

อดีตผู้ได้รับรางวาลโนเบลสาขาสันติภาพและผู้นำประเทศพม่า นางออง ซาน ซูจี ถูกจับตามองจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนและบรรดานักกฎหมายทั้งหลาย ที่ไม่ได้ดำเนินการเอาผิดใดๆ ต่อผู้กระทำผิดที่คุกคามต่อกลุ่มชนกลุ่มน้อยมุสลิมภายในประเทศ

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางด้านศาสนาในประเทศพม่าดังกล่าว ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ และหลายภาคส่วนต่างกล่าวประณามรัฐบาลดังกล่าว

เพื่อเป็นการรับมือในการแก้ไขปัญหาต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทางรัฐบาลพม่าได้สร้างความประหลาดใจขึ้นมา เมื่อทางรัฐบาลพม่าได้มีการกำหนดกฎหมายต่อกลุ่มองค์กรของพระภิกษุแห่งชาติที่มีแนวคิดสุดโต่ง ที่รู้จักกันดีในชื่อ มะบาทา นั่นก็คือจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายหากพบว่ามีการกระทำผิด โดยการเผยแพร่ปลุกระดมสร้างความเกลียดชังและยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงและความแตกแยกในสังคม

และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ผ่านร่างกฎหมายในการควบคุมป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมในวงกลว้างมากขึ้นในการยับยั้งความรุนแรงทางศาสนา

ซึ่งความรุนแรงทางศาสนาที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ที่ชนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของระบอบเผด็จการทหารกว่าครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งปี 2012 ที่สถานการณ์ได้กลับมารุนแรงอีกครั้งทางตอนใต้ของพม่าระหว่างกลุ่มชาวพุทธกับชาวมุสลิมในรัฐยะไข่

ส่วนความรุนแรงระหว่างชาวมุสลิมกับชาวพุทธพม่าในพื้นที่อื่นๆ ได้ปะทุขึ้นเมื่อปี 2013 และ 2014

ประธานาธิบดีทีนจอของพม่า ได้กล่าวในที่ประชุมว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวไม่เพียงแต่จะมุ่งเพียงเอาผิดต่อกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู้หรือผู้ทำการประท้วงเท่านั้นไม่ แต่จะรวมไปถึงการสืบสวนสอบสวนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดอีกด้วย ที่ปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง

“เราไม่ได้ต้องการก้าวก่ายสำหรับการประท้วงเดินขบวนอย่างสันติ แต่เราไม่อนุญาตให้เกิดความรุนแรงในช่วงการชุมนุมประท้วงอย่างเด็ดขาด”

สำหรับหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในการควบคุมดูแลเกี่ยวกับกิจกรรมความเคลื่อนไหวของชาวพุทธพม่า รองเลขาธิแห่งชาติพม่า ซางา มหา นายากา ที่ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาว่า ไม่เคยมีการสนับสนุนต่อกลุ่มที่ต่อต้านมุสลิมแห่งชาติมะบาทาแต่อย่างใด

เหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่มีชาวพุทธกว่า 200 คนได้เข้าไปทำลายมัสยิดและทำร้ายชายมุสลิมคนหนึ่งทางตอนกลางของพม่าหลังจากที่เกิดความไม่ลงรอยกันในเรื่องการสร้างโรงเรียนศาสนาแห่งหนึ่ง

ประธานาธิบดีพม่าเห็นชอบในหลักการของกฎหมายที่เกี่ยวกับการต่อต้านมุสลิม

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่มีคนพุทธพม่ากว่า 500 คน ได้ทำลายสถานที่ละหมาด ทางตำรวจได้ควบคุมตัวได้แค่ห้าคนที่อาจมีความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว

จากเหตุการณ์ขอทั้งสองดังกล่าว ทำให้ชาวมุสลิมต้องอพยพหนีตายละทิ้งบ้านเรือนของพวกเขา เพื่อหนีออกจากความรุนแรงที่กำลังขยายวงกว้าง

ชาวโรงฮิงญาที่อยพยหนีตายมีมากกว่า 125,000 คน และในปี 2012 พบว่ามีจำนวนมากที่สุด

ที่มา http://www.hidayatullah.com/berita/internasional/read/2016/07/19/97899/pemerintah-myanmar-ancam-lembaga-biksu-radikal.html