หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

ระเบิดสนามบินตุรกีสังเวย 36 คน ความท้าทายใหม่นโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของตุรกี

ภาพเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายนอกสนามบินอตาเติร์กของตุรกี (ภาพ: Ismail Coskun, IHA via AP)

เหตุระเบิดจำนวนสามครั้งและการกราดยิงในสนามบินอัตตาเติรก์ของกรุงอิสตันบุลล่าสุด ได้คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 36 คน รวมไปถึงชาวต่างชาติด้วย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุนองเลืดครั้งล่าสุดที่ได้ปะทุขึ้นกลางเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่สุดของตุรกี

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อมือปืนได้กราดยิงไปยังเจ้าหน้าที่สนามบินบริเวณประตูทางเข้า ตามด้วยการปะทะกันหลายระลอกก่อนที่มือปืนจะกดระเบิดฆ่าตัวตายในเวลาประมาณสี่ทุ่ม (ตามเวลาท้องถิ่น) ตามรายงานของทางการตุรกี

นายกรัฐมนตรีของตุรกีบีนาลี ยิรดีมิน กล่าวว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าวมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการเปิดเผยในรายละเอียดแต่อย่างใด ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเบอกีร บอสดาร์ก กล่าวว่า จำนวนยอดผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้พุ่งเป็น 147 คน

ทางด้านปรานาธิบดี เรเซป ตอยยิบ อัรดูฆอน ได้สั่งกระฉับมาตรการในการต่อต้านการก่อการร้ายภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือการเกิดระบิดในกรุงอิสตันบูลเป็นครั้งที่สี่ในรอบปี

ยังไม่ได้มีกลุ่มใดออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ที่ทำให้ทุกเที่ยวบินที่มุ่งสู่สนามบินอิสตันบุลถูกยกเลิกทั้งหมด

ทางด้านผู้ว่าการของกรุงอิสตันบูล วาซบ ซาฮิน กล่าวว่า เหตุระเบิดจำนวนสามครั้งในครั้งนี้ เกิดขึ้นในเดือนรอมฏอน

กล้องวงจรปิดควบคุมความปลอดภัยที่ถูกเผยแพร่อย่างแพร่หลายในโลกโซเซียล ได้แสดงให้เห็นว่าระเบิดจำนวนสองลูกดังกล่าว ได้ระเบิดขึ้นบริเวณประตูทางเข้าสนามบิน จนทำให้บรรดาผู้โดยสารอยู่ในการหวาดผวาที่ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละวัน

อีกวีดีโอชิ้นหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุในชุดสีดำได้วิ่งเข้าไปในอาคารดังกล่าวก่อนที่จะล้มลงบนพื้น ซึ่งเชื่อว่าจะถูกตำรวจยิงใส่ ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวจะกดระเบิดตัวเอง

พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าว ในขณะที่ในโลกโซเชียลมีเดียได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารต่างหมอบตัวลงกับพื้น

“เป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงมาก ทุกคนต่างวิ่งหนีและล้มหมอบลงกับพื้น” พยานคนหนึ่งได้เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นตุรกี

ในขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินได้ประกาศไปยังผู้โดยสารให้ย้ายหลบไปยังสนามบินในช่วงที่เกิดความวุ่นวายอย่างโกลาหล

ขณะที่ตำรวจได้ปิดล้อมสถานที่ก่อเหตุ ในขณะเดียวกันรถพยาบาลจำนวนสิบคันได้มุ่งหน้าสู่สนามบินอย่างทันท่วงที

กลุ่มไอเอสตกเป็นที่สงสัย

ตุรกีได้เผชิญกับเหตุการ์นองเลือดมาหลายต่อหลายครั้งในรอบปี ที่เชื่อว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการชาวเคิร์ดและกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส

การโจมตีด้วยระเบิดต่อสนามบินของตุรกีครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์การโจมตีด้วนระเบิดที่เมืองบรัสเซลเมือเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวน 32 คน

ประตูทางเข้าสนามบินอตาเติรก์ในกรุงอิสตันบุลในสภาพหลังเกิดการระเบิด (ภาพ: DHA via AP)

สนามบินบรัสเซลได้กล่าวแสดงความเสียใจผ่านทวีตเตอร์และได้กล่าวว่า “เราขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินกรุงอิสตันบูล”

“เราหวังว่าพวกเขาทั้งหลายตลอดจนบรรดาสมาชิกและเจ้าหน้าที่สนามบิน จงมีกำลังใจและความกล้าหาญในการฟันฝ่าอุปสรรคที่เลวร้ายนี้”

ในขณะเดียวกันทางสำนักนายกรัฐมนตรีตุรกี ได้อ้างแหล่งข่าวจากหน่วยงานตำรวจ ที่เชื่อว่ากองกำลังไอเอสน่าจะมีความเกี่ยวข้องในการโจมตีครั้งนี้ ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตุรกีบางส่วนกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปสำนวนคดี

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงนายอับดุลลอฮ์ อาการ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นตุรกีว่า การโจมตีดังกล่าวมีความคล้ายกับกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่ง

“มันมีความสัญญาณความคล้ายกันกับปฏิบัติกาณ์ของกลุ่มอัลกออีดะฮ์” เขากล่าวพร้อมกับอ้างถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่กรุงบรัสเซล

ทางด้านกงสุลสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสได้ออกคำเตือนไปยังประชาชนของตน เพื่อให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตุรกีกล่าวว่า ทุกสายการบินได้ถูกยกเลิกจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน(แปดนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น)

ปฏิกิริยาจากอัรดูฆอน

ภายหลังเหตุโจมตีสนามบินดังกล่าว นายอัรดูฆอนได้เรียกประชุมกับนายกรัฐมนตรีพร้อมบรรดานายทหาร

“เราขอเรียกร้องไปยังทั่วโลกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีกโลกตะวันตก ที่ได้มีนโยบายแข็งกร้าวต่อการก่อการร้าย”

“ถึงแม้ว่าเราเองอาจต้องรับมืออย่างสาหัส ตุรกีเองมีอำนาจ มีความสามารถในความพยายามในการต่อต้านการก่อการร้ายจนถึงที่สุด”

เจ้าหน้าที่ตำรวจตุรกีได้ปิดกั้นทางเข้าสู่สนามบินอตาเติร์กในกรุงอิสตันบุลหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่สนามบิน (ภาพ: AP/Emrah Gurel)
เจ้าหน้าที่ตำรวจตุรกีได้ปิดกั้นทางเข้าสู่สนามบินอตาเติร์กในกรุงอิสตันบุลหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่สนามบิน (ภาพ: AP/Emrah Gurel)

อิสตันบูล ในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน ถูกโจมตีหลายต่อหลายครั้งในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ รวมถึงการโจมตีในเมืองท่องเที่ยวหลักอีกด้วย ที่ได้คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 12 คน ที่เชื่อว่าอาจเป็นการก่อเหตุของไอเอส

สองเดือนต่อมา ชาวอิสราเอลสามคนและอิหร่านหนึ่งคนได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดที่อิสติกลาล ที่ยังเชื่อว่าเป็นการกระทำของไอเอสอีกเช่นกัน

ต่อด้วยการโจมตีด้วยระเบิดอีกครั้งที่สนามบินนานาชาติตุรกีซาบีฮาคูเกน ได้คร่าอีกหนึ่งชีวิตคนงานทำความสะอาดและอีกคนได้รับบาดเจ็บเมือเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหาย

สนามบินอตาเตรก์มีผู้โดยสารเข้าออกประมาณ 60 ล้านคนเมื่อปี 2015 ด้วยยุทธศาตร์ที่ตั้งของสนามบินดังกล่าว ซึ่งถือเป็นสนามบินหนึ่งที่มีความคับคั่งแห่งหนึ่งของโลก

ตุรกีถูกโจมตีมาแล้วเป็นจำนวนห้าครั้งที่เชื่อว่ากองกำลังไอเอสเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งเหตุโจมตีด้วยระเบิดที่เมืองอังการ่าเมื่อเดือนตุลาคม 2015 ปีที่แล้ว ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ถึงแม้ว่าไอเอสเองไม่ได้ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการแม้สักครั้งต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในตุรกี

ตุรกีถูกเพ่งเล็งจากชาติตะวันตกมาโดยตลอดที่กล่าวกาว่าตุรกีอาจรอดพ้นจากภัยคุกคามจากไอเอส แต่เมื่อช่วงหลังมานี้การติดตามไล่ล่าต่อเครื่อข่ายของเอสมีจำนวนครั้งมากขึ้นในประเทศตุรกี

ที่มา http://berita.mediacorp.sg/mobilem/world/32-maut-88-cedera-dalam/2913914.html