
นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้กล่าวตำหนินายทรัมป์ว่าที่ผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนต่อไป ต่อท่าที่นโยบายที่มีต่อชาวมุสลิมในการที่จะไม่อนุญาตให้ชาวมุสลิมเข้าออกประเทศสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่นางสาวแองเจลีน่า โจลี่ ได้กล่าววิพากษ์เรื่องดังกล่าวในงานเลี้ยงละศีลอดแห่งหนึ่งที่มีชาวมุสลิมและคนต่างศาสนิกเข้าร่วม
อย่างไรก็ตามนายจอห์น เคร์รี่ มิได้กล่าวพากพิงชื่อของว่าที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่อย่างใด แต่ได้กล่าวตำหนิว่า “แผนการดังกล่าวค่อนข้างที่จะไปสู่การปลูกฝั่งความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนสุดโต่งเท่านั้น”
นายจอห์น เคร์รีได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นโยบายดังกล่าวนั้น มีผลดีต่อคนบางกลุ่มหรือบางคนเท่านั้น ที่อาจนำไปขยายความว่า ประเทศสหรัฐฯ ได้ทำสงครามกับชาวมุสลิมเรียบร้อยแล้ว
งานละศีลอดครั้งนี้ มีขึ้นตรงกับวันที่เป็นวันสำคัญของโลกด้วยความบังเอิญอีกด้วย คือวันผู้อพยพสากล และผู้ที่เข้าร่วมในงานดังกล่าวประกอบด้วยผู้แทนสำคัญของหน่วยงายของผู้อพยพแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) และรวมไปถึงดาราสาวชื่อดังอย่างนางสาวแองเจลีน่า โจลี่
นางสาวแองเจลีน่า โจลี่ กล่าวว่า “การสกัดกั้นคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะโดยความเชื่อ สถานะทางสังคม ชาติพันธุ์ เพศ หรือจะด้วยเพราะความแตกต่างอะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้จะเป็นความจริงหรือเท็จประการใดนั้น มันไม่ได้ช่วยให้เรามีพลังหรือดีขึ้นเลย”
เพราะพลังที่แท้จริงนั้น คือการได้รู้จักอย่างแท้จริงถึงวิธีการในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ “ชนกลุ่มน้อยและน้อยมากที่ได้เลือกใช้วิธีการที่สุดโต่งที่โหดร้ายรุนแรง หรือแม้กระทั่งการนำเอาศาสนาไปใช้ในหนทางที่ๆ ไม่ถูกต้อง โดยปราศจากการใคร่ครวญ และได้ทำให้ผู้คนที่นับถือศาสนาอันงดงามดังกล่าวนับล้าน พลอยต้องได้รับผลกระทบไปด้วย”
ทางด้านนายจอห์น เคร์รีกล่วอีกว่า “ไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด” ว่าผู้ที่อพยพผ่านการตรวจสอบที่รัดกุมนั้นเข้ามาในประเทศสหรัฐนั้น จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อสังคมสหรัฐแต่อย่างใด
ที่มา http://berita.mediacorp.sg/mobilem/specialreports/ramadan2016/angelina-jolie-john-kerry/2892114.html