หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

ความเข้าใจ… ฟางเส้นสำคัญสานสายใยชาวปะเสยะวอ

ชุมชนปะเสยะวอ แห่งลุ่มน้ำสายบุรี ยังสานสายใยสัมพันธ์ต่อกันอย่างเหนียวแน่นด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม พุทธ จีน อิสลาม อยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและพูดคุย โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในกิจกรรมขอองชุมชน

ที่นี่ “บ้านปะเสยะวอ” ชุมชนแห่งภูมิปัญญาและพหุวัฒนธรรม หลากศาสนาหลายความเชื่อ หลอมรวมความผูกพันของผู้คนด้วยวิถีแห่งชุมชน ทั้งวัด มัสยิดและศาลเจ้า ความเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รวมใจรวมพลังยึดสายสัมพันธ์ยังผูกพันกันไม่ขาดหาย เป็นชุมชนอันอุดมด้วยทรัพยากรจากคลอง ทะเลและชายฝั่ง หล่อเลี้ยงชีวิตส่วนใหญ่ของพี่น้องในชุมชน ด้วยอาชีพประมง ทำบูดู แล่ปลา จนเกิดเป็นวิสาหกิจที่มีชื่อเสียงของประเทศและสามารถจ้างงานให้กับคนในชุมชนได้เป็นจำนวนมาก

พระอธิการพิทักษ์ วิริโย

พระอธิการพิทักษ์ วิริโย เจ้าอาวาสวัดถัมภาวาสศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมของชุมชน ซึ่งบวชมา 8 พรรษาเพื่อดำรงไว้ในพระพุทธศาสนาและเป็นตัวแทนของชาวบ้านเพื่อที่จะดูแลวัด กล่าวถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องบ้านปะเสยะวอว่า

“ความสัมพันธ์ในชุมชนปะเสยะวอนั้นเราอยู่กันอย่างพี่น้อง ก่อนหน้านี้ก็เรียนหนังสือด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ปัจจุบันผู้ใหญ่บ้านกับกำนันก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เป็นเพื่อนๆ กันทั้งนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนมากก็เกิดข้างนอก ในชุมชนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งอดีตเป็นยังไงปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้น เราจะไม่มีความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เราก็ทำร่วมกัน ยกตัวอย่างวันสตรีโลก คนไทยพุทธก็ไปตีกลองยาว มุสลิมก็ไปร่วมงานในส่วนของเขา แต่ในกิจกรรมเดียวกัน”

กะเราะห์

ก๊ะเราะห์มุสลิมะฮฺซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ชุมชนเสมอบอกว่า “เราช่วยกันสอดส่องดูแลกันในชุมชน สังเกตคนแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้าน บางครั้งก็มีความเชื่อของคนในพื้นที่อื่นที่มองว่าห้ามเข้าวัด ซึ่งจริงๆ แล้วศาสนาอิสลามไม่ได้ห้ามในเรื่องนี้ ขอเพียงให้เราเป็นคนดีต่อพระเจ้าเท่านั้น ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีและให้ทำดีเท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเลย เพียงแต่ความคิดของคนอื่นนั้นเราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง เวลามีงานที่มัสยิดพี่น้องพุทธก็ไปร่วมงาน ไปทำความสะอาดร่วมกันอยู่

“จริงๆ เราก็อยู่รวมกันแบบนี้มานาน มาวัดในช่วงเย็นๆก็เข้ามาปั่นจักรยาน ถ้าจะบอกว่าวัดถัมภาวาสเป็นศูนย์กลางได้ไหม ตอบเลยว่าได้ ด้วยเนื้อที่ของวัดและต้นไม้ที่ร่มรื่น บางครั้งเวลาเจอสุนัขเราก็เรียกเพื่อนที่เป็นไทยพุทธช่วยไล่ออกไป เวลาเราปั่นจักรยานแล้วเจอสุนัขเราก็ปั่นตรงๆ ไม่วอกแวก พอบ่อยๆ เข้ามันก็จำได้”

นายยา สมาชิกชุมชนปะเสยะวอบอกว่า บางครั้งเวลาอยู่ร่วมกันนั้นต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน เวลามีปัญหาอะไรก็ต้องมาแก้ด้วยกัน มาพูดคุยกัน บางครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเราปล่อยไว้นานนานมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ บางเรื่องต้องพูดคุยกันเลย ยกตัวอย่างเหมือนเด็กทะเลาะกัน ต้องเรียกมาคุยกันให้จบ ถ้าปล่อยไว้แล้วมันจะยาวและจะมีปัญหาอย่างอื่นตามหลังขึ้นมาอีก การพูดคุยคือการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ที่สำคัญเวลาคุยห้ามเอาศาสนามาอ้าง เพราะทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีกันทั้งนั้น ถ้าเอาศาสนามาอ้างเรื่องมันก็อาจจะไม่จบ เราต้องหาจุดกลางเพื่อพูดคุยกันแล้วปัญหาจะจบลงได้

อาชีพและรายได้หลักของคนในชุมชนปะเสยะวอคือพี่น้องมุสลิมรับจ้างทำบูดู แล่ปลา พี่น้องพุทธรับจ้างทำงานในฟาร์มตัวอย่าง ซึ่งเป็นรายได้ที่น้อย และยังขาดทุนในการประกอบอาชีพ ช่วงปลายปี 2557 โครงการไฟแนนซ์ชุมชนบ้านปะเสยะวอ จึงเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนทุนหมุนเวียนเพื่อการประกอบอาชีพของชุมชน โดยมีการศึกษาความเป็นไปได้และประโยชน์ที่ได้รับร่วมกับทางโครงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูชายแดนภาคใต้ ระยะขยาย หรือ (ช.ช.ต.)

ด้วยความรู้สึกในการเป็นเจ้าของในโครงการ สร้างกระบวนการมีส่วนร่วม เสริมสร้างความเข้มแข็งและกระบวนการเรียนรู้ของคนในชุมชนได้ดีขึ้น สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ เป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องพุทธและมุสลิมให้กระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น

สมวรรณ บุญมี ชาวพุทธอีกคนที่ตั้งใจอยากให้ลูกหลานในชุมชนได้รู้จักและสานสัมพันธ์กันเช่นคนรุ่นเธอและรุ่นก่อนๆ

“เมื่อก่อนที่เรานั่งเรือพาย กินขนม ขึ้นไปบ้านไหนก็ได้ รู้จักกันหมด คิดกันในกลุ่มเล็กๆ ว่าอยากให้ลูกหลานเรารู้จักกันมากขึ้น รู้ว่าใครลูกหลานบ้านไหน เหมือนที่เราเคยสัมผัส ซึ่งโครงการนี้ได้ช่วยให้ได้ใกล้ชิด พูดคุยกัน สานสัมพันธ์กันมากขึ้น ดีใจมากและอยากให้อยู่เช่นนี้ตลอดไป”

ภายในวัดถัมภาวาส

ศูนย์กลางการสนับสนุนทางการเงินของชุมชนแห่งนี้สามารถสนองความต้องการในการสะสมเงินร่วมกัน ลงทุนร่วมกัน ใช้บริการและรับผลประโยชน์ร่วมกัน ด้วยการฝึกความศรัทธาและการปฏิบัติด้วยสัจจะของทุกคน ซึ่งเปิดทำการ ณ ป้อมชรบ.ของชุมชนแห่งนี้ทุกวันเสาร์ สัปดาห์ที่ 1 และ 2 ของทุกเดือน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งพี่น้องพุทธและมุสลิมจำนวน 46 คน

ชุมชนหลากวัฒนธรรมของที่นี่มีให้เห็นและสัมผัสกันได้ตลอดทั้งปี ตัวอย่าง ในช่วงเสาร์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมของทุกปีมีกิจกรรมล่องเรือสำเภา ซึ่งเป็นการสะเดาะเคราะห์ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเป็นการจำลองเรือสำเภาขึ้นมาแล้วก็ใส่สิ่งที่ไม่ดีลงไป ช่วงรอมฎอนของพี่น้องมุสลิมมีการเลี้ยงการเปิดปอซอในทุกเย็น และพี่น้องพุทธในเรื่องงานวันเข้าพรรษา

“สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คงเป็นการลอกคลองปะเสยะวอให้กลับมาเหมือนเดิม ถึงแม้จะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่เดิมนั้นน้ำใสมาก แต่ตอนนี้น้ำตื้นเขินรวมทั้งส่งกลิ่นเหม็นด้วย ไม่สามารถใช้ทำอะไรได้เลย เอาเท้าลงไปยังคันเลย ขอเพียงนิดเดียวหรือครึ่งหนึ่งก็ได้ ถ้ามีคนมาช่วยเหลือในส่วนนี้จะขอบคุณมากๆ” เป็นสิ่งที่ชาวบ้านฝากไว้

เรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วยร้อยรัดความสัมพันธ์ให้คงเดิมต่อพี่น้องร่วมชุมชน ก่อเกิดความเข้าใจและปรึกษาหารือร่วมกัน

หวังวาดให้เรื่องราวดีๆ แห่งบ้านปะเสยะวอ มีความยั่งยืน ยึดโยงสัมพันธ์ของผู้คนในชุมชนให้เหนียวแน่นเช่นนี้ตลอดไป….