ชาวอินโดนีเซียไม่มีความยากลำบากอีกต่อไปหากเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม ก็เพราะว่าในประเทศเวียดนาม ที่นำโดยประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เจิ่น ดั่ย กวาง ภาษาอินโดนีเซียได้ถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมากของประเทศดังกล่าว จะกล่าวได้ว่าภาษาอินโดนีเซียได้กลายเป็นที่สองรองจากภาษาทางการของเวียดนามคงไม่ผิด
ที่เมืองหลวงนครโฮจิมินห์ ผู้นำท้องถิ่นดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 2007 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดทำนโยบายเกี่ยวกับภาษาอินโดนีเซียให้เป็นภาษาทางการสำหรับพลเมือง อีกทั้งภาษาอินโดนีเซียได้กลายเป็นวิชาหนึ่งของหลักสูตรทางการศึกษาทั่วสถานศึกษาและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเวียดนามไปแล้ว
ขณะเดียวกันทางรัฐบาลเวียดนามได้มีความพยายามเช่นเดียวกัน ในการขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลอินโดนีเซีย ในการส่งบุคลากรทางด้านภาษาอินโดนีเซีย ในการเข้ามาอบรมทักษะในด้านภาษาให้กับบรรดาครูและคณาจารย์ในนครโฮจิมินห์อีกด้วย ซึ่งอย่างน้อยทางรัฐบาลอินโดนีเซียจะให้ความช่วยเหลือโดยผ่านทางกงสุลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำนครโฮจิมินห์ ในการดำเนินตามพันธกิจของการเผยแพร่ภาษาอินโดนีเซียดังกล่าว
เช่นเดียวกับนาย ทอมมี่ ลุง ซึ่งเป็นพนักงานห้างอีออนในเมืองเชลาดอน ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่าเขามีความสะดวกมากยิ่งขึ้นที่เขาสามารถพูดภาษาอินโดนีเซียได้
“เพื่อนของฉัน ครอบครัวของฉัน และคนในชุมชนที่ฉันอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่พวกเขามีความเข้าใจสามารถพูดภาษาอินโดได้”เขากล่าวด้วยภาษาอินโดอย่างคล่องแคล่ว
เขากล่าวอีกว่า พวกเขาได้ศึกษาเรียนรู้ภาษาอินโดนีเซียก่อนที่ทางรัฐบาลจะประกาศให้ภาษาอินโดนีเซียเป็นภาษาทางการเสียอีก
“ใช่ ผมเริ่มเรียนภาษาอินโดนีเซียเมื่อปี 2005 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันต้องเดินทางไปยังบาหลีของอินโดนีเซีย ทำให้ต้องศึกษาภาษาดังกล่าว ฉันรู้สึกไม่ได้ยากเย็นอะไรในการเรียนภาษาอินโดนีเซีย เพราะที่สำคัญจะต้องเข้าใจความหมายของประโยคทุกคำให้ได้ แต่อย่างไรก็ตามการพูดของแต่ละคนนั้นย่อมมีความแตกต่างกันในหลายระดับ เช่น คำว่า คุณ คำนี้มีความไพเราะเหมาะสมกับคนที่อยู่ในวัยเดียวกันกับเรา เช่นเดียวกับคำว่า อากู หรือ กู ซึ่งยังมีอีกมากมายคำต่างๆ ที่มีความเดียวกันแต่ความเหมาะสมกับกาลเทศะย่อมมีความแตกต่างกันไป”
ซึ่งครั้งล่าสุดที่เขาเดินทางไปยังอินโดนีเซียคือเมื่อปี 2013 ซึ่งเขาไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่แล้วในการพูดภาษาอินโดนีเซีย เพราะเขาได้เรียนรู้มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
“ฉันยังได้เรียนภาษาจากชาวอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ที่นี่อีกด้วย เพื่อนๆ ของฉันที่ทำงานที่นี่ ส่วนมากมาจากเกาะชวา พวกเขามาจากชวา” เขาเสริม
เขากล่าวอีกว่า ตามทัศนะของเขาแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียค่อนข้างมีความแน่นแฟ้น ซึ่งทั้งสองประเทศนี้มีสถานะเมืองที่เท่าเทียมกันในเวทีอาเซียน “นั่นหมายความว่า เราในฐานะกลุ่มเดียวกัน มีความเท่าเทียมกัน ท่านเป็นคนสัญชาติอินโดนีเซีย ท่านสามารถเข้ามาในประเทศนี้ได้ เพียงแค่ยื่นหนังสือเดินทาง เช่นเดียวกับพวกเราที่ไปยังอินโดนีเซีย ซึ่งไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก เพราะอินโดนีเซียกับเวียดนามคือพี่น้องกัน” เขากล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ที่มา http://www.deliknews.com/2016/04/10/warga-vietnam-mayoritas-berbahasa-indonesia/
