ว่าที่ผู้ลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาจากพรรครีพับลิกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อธิบายถึงรายละเอียดของนโยบายการต่างประเทศ ที่อาจต้องมีการดำเนินการแก้ไขหากว่าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ
โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ชนะคะแนนในการเลือกตั้งล่วงหน้าในห้าประเทศ ได้กล่าวว่าเขาอาจจะปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐ ‘เพื่อจัดลำดับความสำคัญของอเมริกา’
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะดำเนินการปราศรัย เขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่า นโยบายดังกล่าวมิได้เป็นแนวคิดของทรัมป์ ที่แข็งทื่อที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นนโยบายดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากว่าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ
พร้อมกันนี้เขายังได้กล่าวหาว่านโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐนายบารัก โอบามา ถือเป็น “ภัยพิบัติโดยรวม” และยังมี “ความอ่อนแอ สับสน และไม่มีทิศทางที่แน่นอน” ทรัมป์ สัญญาว่าจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงประเทศสหรัฐอเมริกาและ “อาจมีการปรับปรุงนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯอีกด้วย ที่ยังมีปัญหา”
ผลกระทบต่อกลุ่มไอเอส
ทรัมป์กล่าวว่าในอนาคตอันใกล้นี้ภายใต้การบริหารของเขา “พวกเขา (ISIS) สามารถนับถอยหลังได้เลย แต่ผมมิอาจบอกพวกได้ว่าเมื่อไหร่ (แต่มันอาจเกิดขึ้นแน่นอน) และผมไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นวิธีไหน”
ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ที่ยืนยันว่าเขาจะลดทอนความแข็งแกร่งของกลุ่มไอเอสลง โดยการตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มเหล่านี้จากแหล่งบ่อน้ำมัน นอกจากนี้เขายังได้สนับสนุนการใส่ร้ายต่อสมาชิกไอเอสเพื่อยับยั้งพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้นำเสนอความคิดนี้ในการปราศรัยของเขาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27/04)
ในขณะเดียวกันเขาเองได้นำเสนอความคิดในการสร้างความร่วมมือกับบรรดาชาติพันธมิตรของสหรัฐในแถบตะวันออกกลางในการต่อต้านกับแนวคิดที่สุดโต่ง

“การควบคุมการแพร่กระจายของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ควรจะเป็นจุดมุ่งหมายหลักของนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและสากล” ทรัมป์กล่าว
ผลต่อกลุ่มนาโต้และประเทศมหาอำนาจ
สหรัฐอเมริกา ตามที่ทรัมป์คาดหวังก็คือ สำหรับการเจรจากับพันธมิตรครั้งใหม่นี้ภายใต้พันธกิจสนธิสัญญาการป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เพื่อจัดวางโครงสร้างใหม่ของกลุ่มดังกล่าวและเพื่อการเป็นหารือเกี่ยวกับความสมดุลของเงินงบประมาณของสหรัฐอเมริกาที่มอบให้กับกลุ่มนาโต
ทรัมป์เองอาจจะดำเนินการเจรจากับรัฐบาลรัสเซียเพื่อหาจุดร่วมในการรับมือกับปัญหากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
“มีบางคนกล่าวว่ารัสเซียไม่เคยอยู่ในความคิด แต่ผมจะลองดู”ทรัมป์กล่าว
จากนั้นเขายังได้ตำหนิประเทศจีนว่า “การเคารพในอำนาจและได้ปล่อยให้พวกเขาฉวยประโยชน์จากเราไปในด้านของเศรษฐกิจอย่างที่พวกเขากำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเราได้หมดความเคารพต่อพวกเขาไปแล้ว”

และเขายังสัญญาอีกว่าเขาจะพยายาม “ปรับปรุงความสัมพันธ์ของเรากับจีน” แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่เขาจะดำเนินการ
ผลต่อชาติพันธมิตรสหรัฐ
เกี่ยวกับประเทศพันธมิตรสหรัฐอเมริกา ทรัมป์กล่าวว่ายังมีเรื่องที่จะต้องจ่าย
“ประเทศพันธมิตรที่เราได้ปกป้องทั้งหลาย จะต้องจ่ายสำหรับงบประมาณในส่วนนี้ และทางสหรัฐได้มีการเตรียมการที่จะปล่อยให้ประเทศเหล่านี้ได้ดำเนินการปกป้องตัวเองด้วยตัวเขาเองในอนาคต เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น”
ในช่วงที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว the New York Times เมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสหรัฐกับประเทศญี่ปุ่น ทรัมป์กล่าวว่า “หากเราถูกโจมตีพวกเขาไม่ได้มาช่วยปกป้องเลย แต่หากพวกเขาถูกโจมตีเราควรจะปกป้องพวกเขาอย่างเต็มที่ และนี่ก็คือปัญหาจริงที่กำลังเกิดขึ้น”
ทรัมป์เคยกล่าวว่า เขามีทีมที่ปรึกษาด้านนโยบายการต่างประเทศที่ดีที่สุด เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ที่ปรึกษาของเขามีเพิ่มมากขึ้น
ทีมที่ปรึกษาของเขานำโดยวุฒิสมาชิกจากเมืองอลาบามานายเจฟฟ์ เซสชัน จากพรรครีพับลิกัน
สว่วนสมาชิกอื่นๆ มีทั้งนายพลปลดเกษียณ โจเซฟ ชมิทซ์ ที่ลาออกจากการเป็นทหารเมื่อปี 2005 ท่ามกลางถูกกล่าวหาว่ามีการทำละเมิด อย่างไรก็ตามชมิทซ์ ยังไม่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
และที่ปรึกษาคนอื่นๆ เช่น วาลิด พาเรส ที่เคยได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมที่ปรึกษาด้านนโยบายการต่างประเทศของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และหลายกลุ่มเคลื่อนไหวของมุสลิมมีความกังวลเกี่ยวกับความใกล้ชิดของพาเรสกับกลุ่มติดอาวุธชาวคริสต์ในประเทศเลบานอนในช่วงสงครามกลางเมือง



