bharian / เบอร์นามา – รัฐบาลมาเลเซียยันไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความร่วมมือทางทหาร ในการต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศเยเมนและซีเรีย ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดาโต๊ะศรี ฮีชาบุดดีน ฮุสเซ็นกล่าวว่า การเข้าร่วมของกองทัพมาเลเซีย (Angkatan Tentera Malaysia; ATM) ในปฏิบัติการซ้อมรบนอร์ททันเดอร์ ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นไปตามคำเชิญของซาอุดีอารเบียเป็นครั้งแรก ที่อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์แบบทวิภาคีของทั้งสองประเทศในระดับสูงสุด
“การซ้อมรบครั้งนี้จัดขึ้นทางตอนเหนือของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในขณะที่เยเมนอยู่ทางทางตอนใต้ของซาอุดีอาระเบีย จะเห็นว่าการซ้อมรบในครั้งนี้ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องใดๆ กับการรณรงค์ทางทหารของเยเมนในขณะนี้
“มาเลเซียสนับสนุนความพยายามในการต่อต้านกิจกรรมการใช้อาวุธ แต่ทางกองทัพมาเลเซียมิอาจมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในปฏิบัติการทางทหารในเยเมน เพราะมันแตกต่างกันระหว่างการซ้อมรบนอร์ททันเดอร์” รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวในช่วงให้สัมภาษณ์กับท่านเทียนฉั่ว ที่รัฐสภาในวันนี้
รัฐมนตรีฮีชาบุดดีนกล่าวว่า เพื่อให้เป็นกองทัพที่มีความน่าเชื่อถือในภูมิภาคนี้ ทางกองทัพมาเลเซียจะต้องถือโอกาสในการฝึกซ้อมกำลังพลให้อยู่ได้ในทุกสภาพและสถานการณ์ เพื่อให้กำลังพลสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในทุกสถานการณ์
เขายังกล่าวด้วยว่า จุดมุ่งหมายของการเข้าร่วมซ้อมรบภายใต้โครงการนอร์ททันเดอร์ ครอบคลุมทั้งสี่เรื่องที่จะต้องผ่านที่ทางซาอุดีอารเบียได้เตรียมการไว้ นั่นก็คือ เพื่อให้ทราบแหล่งที่มาทางการเงินของกลุ่มก่อการร้ายดาอิช (Daesh) เพื่อให้สามารถจัดการทำลายได้; สามารถสร้างความเข้าใจเท่าทันอุดมการณ์ไอเอส
“ซึ่งต่อไปจะต้องแก้ไขเกี่ยวกับวิธีการสื่อสารของสื่อตะวันตกที่ไม่ได้นำเสนอเผยแพร่คำสอนของอิสลามที่แท้จริง และสุดท้ายจะเป็นประเด็นด้านการทหาร” เขากล่าว
รัฐมนตรีฮีชาบุดดีนยังอีกกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีชาวมาเลเซียในเยเมนรวมทั้งสิ้น 398 คน เจ้าหน้าที่ 31 คนและเจ้าหน้าที่อื่นๆ 56 คน ที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงริยาดประเทศซาอุดีอาระเบีย
ในขณะเดียวกันในการแถลงข่าวที่รัฐสภา รัฐมนตรีฮีชาบุดดีนกล่าวว่า การเข้าร่วมของกองทัพมาเลเซียในการฝึกซ้อมทางทหาร ไม่ได้นำเข้าเพื่อพิจารณาอภิปรายในรัฐสภาแต่อย่างใด เพราะเป็นการฝึกซ้อมโดยปกติอยู่แล้ว ที่ทางกองทัพมาเลเซียเอง มีแผนการที่จะดำเนินการฝึกซ้อมอีกจำนวน 41 ครั้งภายในปีนี้ รวมไปถึงห้าชาติสมาชิกการป้องกันประเทศ (Five Power Defence Arrangements FPDA) อีกด้วย
“มันไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใดจุดยืนของเรายังเป็นเช่นเดิม ที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับปฏิบัติการของกองทัพของเรา” เขากล่าว
