หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

บันทึกจากคนนอก : อักษรยาวียังคงโดดเด่นในปาตานี

นางสาวเมาลีเดีย อาดินดา (หนึ่งในคณะผู้แทนจากกลุ่มภาคประชาสังคมอาเจะห์ ACSTF ภายใต้โครงการการศึกษาเพื่อสันติภาพ และภาษามลายูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้)

กว่าสองเดือนที่ฉันอาศัยอยู่ในประเทศที่ขนานนามว่าเมืองช้างเผือก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของไทย การมาเยือนในครั้งนี้ ฉันมาพร้อมกับเพื่อนๆ อีกสี่คนจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อมาทำหน้าที่ในฐานะผู้สอนตามโครงการ การศึกษาเพื่อสันติภาพ และอีกทั้งเป็นการกระตุ้นในการใช้ภาษามลายูของคนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มภาคประชาสังคมอาเจะห์ หรือ Aceh Civil Society Task Force (ACSTF) กับกลุ่มภาคประชาสังคมปาตานี นั่นก็คือกลุ่มบูหงารายากรุ๊ป (Bunga Raya Group) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในประเด็นด้านการศึกษาและกลุ่มปัญญาชนปาตานีเป็นหลัก

การเรียนการสอนในรูปแบบการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ของไทย มิใช่เป็นเรื่องง่ายนัก ในที่นี้จะเห็นได้จากการที่สังคมส่วนใหญ่ที่นี่จะมีความมักคุ้นกับอักษรยาวีเป็นหลัก (ภาษามลายูที่เขียนด้วยอักษรอาหรับ) เมื่อเทียบกับอักษรไทย นับประสาอะไรกับอักษรโรมัน(ลาติน) ที่ถึงแม้นว่าทางสากลจะให้การยอมรับตัวเขียนอัลฟาเบตว่าเป็นมาตรฐานของตัวเขียนแล้วก็ตาม ทว่าสังคมที่นี่มักจะให้ความสำคัญกับตัวเขียนดังกล่าวนั้น ในฐานะตัวเลือกที่สองรองจากตัวเขียนยาวีและตัวเขียน ก.ไก่ (ภาษาไทย)

พยัญชนะของตัวเขียนยาวีนั้น เป็นการยืมจากพยัญชนะอาหรับแทบทั้งหมดและมีบางส่วนที่เอามาจากพยัญเปอร์เซีย ซึ่งพยัญชนะ(ตัวเขียนยาวี)นั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างอักษรอาหรับจำนวน 28 ตัว และอักษรเปอร์เซียจำนวน 5 ตัว ซึ่งพยัญชนะ “อลีฟ”(ا) ออกเสียงเป็น “อา”(أ) ตัว “บาอฺ”(ب) ออกเสียงเป็น “บา” (با) เป็นต้น และเช่นเดียวกับตัว “ฆา”(ڬ) คือเสียงที่มาจากอักษร “กอฟ” (ك) ที่มีจุดข้างบน ในขณะที่อักษร “ชา”(چ) ที่มีรูปแบบเหมือนตัว “จีม”(ج) ที่มีจุดสามจุดข้างล่าง และอื่นๆ

ตัวเขียนยาวีจะไม่มีการใช้วรรคยาวสั้น แต่จะใช้การเติมตัว “อลีฟ” “ยาอฺ” และ”วาว” เพื่อใช้เป็นสระ อา อี อู บางครั้งคนที่นี่มิค่อยใส่สระ ทำให้เกิดความสับสนในการทำความเข้าใจเช่นกัน

การใช้ตัวเขียนยาวีในภาคใต้ของไทยสามารถช่วยเหลือข้าพเจ้าที่ไม่รู้ ก.ไก่ ได้เยอะพอสมควร และการใช้ตัวเขียนยาวีมิใช่แค่เพียงในสถาบันปอเนาะและหนังสือเรียนเท่านั้น แต่ในสาธารณพบว่ายังมีการใช้ตัวเขียนยาวีเช่นเดียวกัน อย่างเช่น ป้ายบอกทาง ป้ายประชาสัมพันธ์ ห้องสุขา และแม้กระทั้งที่ห้างสรรสินค้าเอง ที่พบว่ามีการใช้ตัวเขียนยาวีอยู่เช่นกัน จากการสังเกตของข้าพเจ้า แม้แต่ในการใช้ชื่อเฟสบุ๊คพวกเขายังใช้ตัวเขียนยาวีเช่นกัน

อักษรโรมันในพื้นที่แห่งนี้จะไม่ได้รับความนิยมมากนัก ไม่ว่าจะเป็นปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย ซึ่งมีความลำบากพอสมควรสำหรับการเรียนการสอนของฉัน ซึ่งก่อนที่จะทำการสอนภาษามลายู มักจะต้องสอนพวกเขาให้เขียนและรู้จักพยัญชนะโรมันก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งที่นี่ได้เพิ่มภาระให้กับตัวฉันเองเป็นอย่างมาก และพวกเขาทำให้ฉันต้องปวดหัวยิ่งนัก ลองจินตนาการดูว่า ฉันกำลังสอนเด็กๆ ที่มีอายุประมาณ 10-19 ปี ทว่าพวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่สามารถที่จะอ่านตัวเขียนโรมันได้ และไม่ค่อยนักที่พวกเขาจะร้องขอให้ฉันเขียนชื่อพวกเขาในภาษาโรมัน(รูมี) ซึ่งคำนวณดูแล้ว สัดส่วนที่ไม่สามารถอ่านภาษาโรมันได้ไม่น้อยกว่า 50% ของประชากรที่อาศัยอยู่ในภาคใต้ของไทย ที่ไม่สามารถอ่านภาษาโรมันได้ ซึ่งหากไม่สามารถที่จะอ่านตัวเขียนรูมีแล้ว คงเข้าข่ายเหมือนการไม่รู้หนังสือโดยปริยาย ซึ่งสังคมในภาคใต้ของไทยส่วนใหญ่ก็คงเป็นเช่นนั้น

ว่าด้วยตัวเขียนยาวี เมื่อศตวรรษที่ 15 และ 16 แห่งคริสต์ศักราช วรรณกรรมมลายูมีการแพร่หลายอย่างกว้างขวาง ความยิ่งใหญ่และความมีสง่าในช่วงอดีตที่ผ่านมา ถึงกระนั้นสังคมทางภาคใต้ของไทย ยังคงมีความมุ่งมั่นปรารถนาที่จะอนุรักษ์เรื่องดังกล่าว ถ้าหากย้อนดูประวัติศาสตร์ของตัวเขียนยาวีแล้ว จะพบว่าเริ่มแรกนั้นมีการแพร่หลายมาจากคาบสมุทรปาไซ ซึ่งเป็นการเผยแพร่อย่างคู่ขนานพร้อมกับการแผ่อิทธิพลของศาสนาอิสลามในเอเชียอาคเนย์แห่งนี้ ซึ่งได้กลายเป็นภาษากลางโดยปริยาย ในฐานะภาษาเพื่อการสื่อสารระหว่างกันในภูมิภาคแห่งนี้

ตัวเขียนยาวีนั้นมีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ยิ่งนักและได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางศิลปะ พร้อมๆ กับการเป็นอัติลักษณ์สำหรับคนมุสลิม ทว่า ณ วันนี้ สำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ของอาเจะห์เอง กลับพบว่าพวกเขาไม่ค่อยให้ความสนใจในการศึกษาตัวเขียนยาวีอีกแล้ว ทั้งๆ ที่อาเจะห์เองเป็นเมื่องแห่งชารีอัต อย่างน้อยก็ต้องมีคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะอนุรักษ์ไว้ซึ่งอัติลักษณ์ของตัวเขียนยาวี ซึ่งสิ่งที่น่ากังวล ณ ตอนนี้คือ อย่าว่าแต่จะเขียนยาวีอ่านก็ยังไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้มากมายถึงตำรางานเขียนของอูลามาอฺอาเจะห์ทั้งหลายล้วนเขียนตำราด้วยตัวเขียนยาวี

ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ มีเพียงสามเมืองเท่านั้นที่ได้ขนานนามว่าดารุสสาลาม นั่นก็คือ อาเจะห์ดารุสสาลาม ปาตานีดารุสสาลาม และบรูไนดารุสสาลาม ซึ่งปาตานีและบรูไนยังคงมีการกระตุ้นส่งเสริมเพื่อให้ใช้ตัวเขียนยาวีกันอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าอาเจะห์เองอาจสามารถรักษาไว้ซึ่งมรดกแห่งบรรพชนนี้ได้ ในการอนุรักษ์ตัวเขียนยาวีให้คงอยู่สืบไป

 

แปลจาก http://www.kanalaceh.com/2016/02/05/citizen-reporter-arab-jawi-mengakar-di-thailand-selatan/