รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online – กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “อัล-ชาบาบ” ก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดคาร์บอมบ์กลางกรุงโมกาดิชู เมืองหลวงของโซมาเลียในวันจันทร์ (15 ก.พ.) โดยการโจมตีในครั้งนี้ทางกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งซึ่งมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์กลุ่มนี้ยืนยัน สามารถปลิดชีพของมูฮายาดิน โมฮาเหม็ด อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของโซมาเลีย ซึ่งในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของประธานสภาผู้แทนราษฎรโซมาเลียลงได้
ชีคห์ อันบ์ดิอาซิส อาบู มูซาบ โฆษกฝ่ายปฏิบัติการทางทหารของกลุ่มติดอาวุธอัล-ชาบาบ ออกมาเปิดเผยผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์โดยอ้างว่าทางกลุ่มของตนอยู่เบื้องหลัง การสังหารอดีตรัฐมนตรีกลาโหมของโซมาเลียในครั้งนี้
ขณะที่ทางตำรวจโซมาเลียยืนยันว่า มูฮายาดิน โมฮาเหม็ด เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์ในครั้งนี้จริง แต่บุคคลนิรนามอีกรายหนึ่งซึ่งอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าวและยังไม่มีการเปิดเผยตัวตนรอดชีวิตมาได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ
รายงานข่าวระบุว่า มูฮายาดิน โมฮาเหม็ด เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมโซมาเลียในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อปี ค.ศ. 2008 ในยุครัฐบาลชุดเปลี่ยนผ่านที่มีองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ให้การหนุนหลัง และเคยร่วมรบเคียงข้างกับกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหภาพแอฟริกัน (เอยู) ในการผลักดันนักรบกลุ่มอัล-ชาบาบออกจากกรุงโมกาดิชูและเมืองสำคัญอื่นๆของโซมาเลียได้เป็นผลสำเร็จเมื่อปี 2011
ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (14 ก.พ.) ประธานาธิบดีฮัสซัน ชีคห์ โมฮามุด แห่งโซมาเลีย ออกมาเปิดเผยกลางเวทีการประชุมด้านความมั่นคงในเยอรมนี โดยระบุกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” แห่งไนจีเรียนั้นแท้จริงแล้วได้รับการฝึกในแผ่นดินโซมาเลียซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา ก่อนจะกลับไปก่อเหตุรุนแรงในหลายประเทศของภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
ประธานาธิบดีฮัสซัน ชีคห์ โมฮามุดแห่งโซมาเลียระบุว่า มีหลักฐานและข้อพิสูจน์หลายชิ้นที่สามารถยืนยันได้ว่า กลุ่มโบโก ฮารัมเคยถูกฝึกในโซมาเลียและกลับไปก่อเหตุรุนแรงที่ไนจีเรีย พร้อมย้ำว่าตราบใดที่ภูมิภาค “Horn of Africa” ยังคงเป็นพื้นที่ที่ไร้เสถียรภาพและไม่มีระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของโซมาเลีย ภูมิภาคแห่งนี้ก็จะยังคงเป็นต้นกำเนิดของความรุนแรงและบรรดานักรบหัวสุดโต่ง อยู่ต่อไป
“พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน มีการประสานงานร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ดังนั้นประชาคมโลกจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันและเป็นเอกภาพในการ รับมือกับภัยคุกคามนี้” ประธานาธิบดีฮัสซัน ชีคห์ โมฮามุด แห่งโซมาเลียกล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “อัล-ชาบาบ” ในประเทศของตนกับกลุ่มโบโก ฮารัมจากไนจีเรีย
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของผู้นำโซมาเลียมิได้กล่าวชัดเจนว่ากลุ่มอัล-ชาบาบ ยังคงทำหน้าที่เป็นครูฝึกให้กับกลุ่มโบโก ฮารัมอยู่อีกหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายหลังได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรักไปแล้ว
ที่ผ่านมากลุ่มอัล-ชาบาบซึ่งมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงใกล้ชิดกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในโซมาเลียโดยมีเป้าหมายในการโค่นล้มรัฐบาลกลางในกรุงโมกาดิชู และหวังเข้าบริหารประเทศแบบรัฐอิสลามสุดโต่งเต็มขั้น
ถ้อยแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีฮัสซัน ชีคห์ โมฮามุด แห่งโซมาเลีย มีขึ้นภายหลังจากที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 รายหลังนักรบอิสลามิสต์กลุ่มโบโก ฮารัม บุกเข้าโจมตีหมู่บ้าน 2 แห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียในคืนวันศุกร์ (12 ก.พ.) และต่อเนื่องถึงวันเสาร์ (13 ก.พ.)
โดยรายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างมุสตาฟา การิมเบ สมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองของชาวบ้านในพื้นที่ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มมือปืนที่เป็นสมาชิกโบโก ฮารัมซึ่งใช้จักรยานยนต์ และรถตู้เป็นพาหนะ ได้บุกเข้าโจมตีแยกกันที่หมู่บ้านยาคารี และกาชิฟา ในคืนวันศุกร์ (12 ก.พ.) และต่อเนื่องถึงวันเสาร์ (13 ก.พ.) เป็นเหตุให้มีชาวบ้านของหมู่บ้านทั้งสองแห่งเสียชีวิตรวมกันไม่น้อยกว่า 30 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มมือปืนได้ปล้นเอาทรัพย์สินมีค่าตามบ้านหลังต่างๆ ตลอดจนปศุสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ไปด้วย
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (10 ก.พ.) เกิดเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิง 2 รายในพื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนไนจีเรียเท่าใดนัก เป็นเหตุให้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย
เหตุโจมตีล่าสุดเกิดขึ้นที่หมู่บ้านซึ่งมีชื่อว่า เอ็นกูเอ็ตเชเว ในระหว่างที่ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้กำลังร่วมพิธีศพงานหนึ่ง โดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงจำนวนสองรายได้โผล่เข้ามาจุดระเบิดตัว เองกลางพิธีศพดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ซึ่งยังไม่นับรวมมือระเบิดฆ่าตัวตายทั้งสอง และยังมีผู้เสียชีวิตที่เป็นหนูน้อยวัยเพียง 6 ขวบรวมอยู่ด้วยรายหนึ่ง
ขณะที่จำนวนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมีระหว่าง 30-50 ราย และมีผู้บาดเจ็บหลายรายในจำนวนนี้ที่มีอาการสาหัส และอาจเสียชีวิตตามมาในไม่ช้า
ที่ผ่านมาจำนวนผู้เสียชีวิตในแคเมอรูนได้เพิ่มจำนวนเป็นกว่า 1,200 รายแล้ว จากผลพวงของการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไนจีเรีย และประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียและอิรักไปก่อนหน้านี้
กลุ่มโบโก ฮารัมซึ่งแต่เดิมมีจุดมุ่งหมายในการต่อสู้เพื่อสถาปนารัฐอิสลามสุดโต่งขึ้น ในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย ได้เริ่มขยายวงการก่อความรุนแรงเข้าสู่แคเมอรูนตั้งแต่เมื่อปี 2013
และหากนับเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา พื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูนต้องเผชิญกับเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ คาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มโบโก ฮารัมแล้ว มากกว่า 20 ครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 100 ราย
นับตั้งแต่กลุ่มโบโก ฮารัมเริ่มการก่อเหตุโจมตีเมื่อปี 2009 จำนวนผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มสุดโต่งนี้ทั้งในไนจีเรียและในประเทศเพื่อนบ้าน ได้เพิ่มจำนวนเป็นไม่ต่ำกว่า 17,000 รายตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ