จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ โอเรียนท์ สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีข้อความระบุว่า หากรัฐบาลซีเรียไม่ปฏิบัติตามสัญญาสันติภาพหยุดยิง และสนับสนุนประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียต่อไป ประชาคมโลกอาจเคลื่อนไหวทางการทหารอย่างจริงจัง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจมีการส่งทหารราบเข้าไป โดยรัสเซียเตือนว่า การส่งทหารภาคพื้นในซีเรียอาจเป็นการจุดชนวนสงคราม
“หากซีเรียและรัสเซียละเมิดข้อตกลง และไม่ทำตามคำมั่นที่เคยให้ไว้ ประชาคมโลกจะไม่อยู่เฉยอีกต่อไปและจะเพิ่มปฏิบัติการทางทหารเพื่อเพิ่มแรงกดดัน” แคร์รี กล่าว
ด้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและยูเออี เปิดเผยว่า พร้อมส่งทหารราบเข้าไปในซีเรียทันที หากมีมติเห็นชอบจากกองกำลังชาติพันธมิตร โดย อเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียและซีเรียไม่ช่วยให้อัสซาดอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศได้ในระยะยาว เนื่องจากความต้องการให้อัสซาดลงจากตำแหน่งยังคงหนักแน่น
แม้ก่อนหน้านี้ บรรดาชาติมหาอำนาจจะตกลงร่วมกันหาทางหยุดยิงชั่วคราวในซีเรียภายใน 1 สัปดาห์ และตกลงขยายการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่รัฐบาลซีเรียและรัสเซียยังคงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียต่อไป
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เปิดเผยอ้างรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า เป้าหมายหลักของเกาหลีเหนือคือการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลมายังสหรัฐ แต่ยังขาดความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีและไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก ซึ่งหากเกาหลีเหนือสามารถพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) รุ่น “เคเอ็น-08” ได้ ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงสหรัฐอย่างมาก แต่ระบบขีปนาวุธดังกล่าวค่อนข้างมีความซับซ้อนและต้องทดสอบหลายครั้ง
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า กองกำลังปฏิบัติการพิเศษของเกาหลีเหนือได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถปฏิบัติการได้ทั้งการลาดตระเวน กระโดดร่ม ปฏิบัติการทางทะเล และคอมมานโด
ด้าน หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ระบุว่า จีนสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ต่อเกาหลีเหนือ แต่ยังมีความกังวลต่อระบบป้องกันขีปนาวุธ ทีเอชเอเอดีของสหรัฐที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ว่าอาจเป็นภัยต่อความมั่งคงของจีน
ที่มา : posttoday