หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

นักโทษอินโดฯในเรือนจำประกาศสวามิภักดิ์ต่อ “ไอเอส”

Radical Muslim cleric Aman Abdurrahman (C), also known as Oman Rochman, raises his hands in a holding cell as he waits with other militants for their trial in Jakarta, in this August 26, 2010 file photo. From behind bars, Abdurrahman heads an umbrella organisation formed in 2015 through an alliance of splinter groups that support Islamic State. REUTERS/Dadang Tri/Files

ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2010 แสดงให้เห็น นักการศาสนาอิสลามิสต์หัวรุนแรง “อามาน อับดุลราห์มาน” (กลาง) ยกมือขึ้นมาในห้องขังที่ถูกควบคุมตัว ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า แม้อับดุลราห์มานถูกจองจำอยู่ในคุกมาหมายปี แต่เขายังคงสามารถเผยแพร่ความคิดหัวรุนแรงเรื่อยมา

MGR Online/รอยเตอร์ – เผยสภาพการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ นักโทษล้นคุก และคอร์รัปชัน เปิดช่องให้กลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกจองจำสุมหัวกันและเลื่อนขั้นเป็นนักรบและนักฆ่าที่สวามิภักดิ์ต่อ “ไอเอส” เต็มตัว โดยบรรดานักโทษ “ขาใหญ่” สามารถใช้โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์มือถือ และผู้ส่งสาร เผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงสู่โลกภายนอกอย่างง่ายดาย

อาฟิฟ คือ นักโทษในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดของอินโดนีเซีย และที่นั่นเขาได้แปรสภาพจากมุสลิมหัวรุนแรงเป็นนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่พร้อมสละชีวิตเพื่อเครือข่ายก่อการร้ายที่มีฐานห่างไกลลิบออกไปในตะวันออกกลาง

การเดินทางของอาฟิฟปิดฉากลงด้วยความตายจากการก่อเหตุโจมตี ร่วมกับพวกหัวรุนแรงอื่น ๆ อีก 3 คน ที่บริเวณสี่แยกอันพลุกพล่านกลางกรุงจาการ์ตา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการประกาศศักดาความโหดร้ายรุนแรงของไอเอสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก

เรื่องราวของอาฟิฟ ตีแผ่ระบบเรือนจำอิเหนาที่การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ นักโทษล้นคุก และการคอร์รัปชัน เปิดช่องให้กลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกจองจำสุมหัวกันและเลื่อนขั้นเป็นนักฆ่าที่สวามิภักดิ์ต่อไอเอส

เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง เผยว่า อาฟิฟ หรือยังรู้จักกันในนาม ซูนาคิม ถูกลงโทษจำคุก 7 ปี ข้อหาเข้าร่วมในค่ายฝึกพวกหัวรุนแรงในจังหวัดอาเจะห์ และระหว่างอยู่ในเรือนจำ เขาปฏิเสธเข้าโปรแกรมลดแนวคิดนิยมความรุนแรง

กระทรวงยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของอินโดนีเซีย ปฏิเสธไม่ขอตอบคำถามว่า หลังจากที่อาฟิฟถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ทางการได้มีการติดตามพฤติการณ์ของเขาหรือไม่

ขณะที่ตำรวจระบุว่า ในบรรดาคนร้ายอีก 3 คนที่ร่วมกับอาฟิฟเข้าโจมตีจาการ์ตาคราวนี้ ยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็นอดีตคนคุกเช่นกัน

บาโดรดิน เฮติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ยอมรับว่า มีพวกหัวรุนแรงที่ยังต้องโทษอยู่อย่างน้อย 5 คน ที่เชื่อว่ามีการติดต่อกับพวกผู้วางแผนการซึ่งนำไปสู่การโจมตีจาการ์ตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สถาบันเพื่อการวิเคราะห์ความขัดแย้งเชิงนโยบาย (ไอแพค) ออกรายงานฉบับหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า เรือนจำ 26 แห่งในแดนอิเหนาคุมขังผู้ถูกตัดสินเป็นผู้ก่อการร้ายราว 270 คน ทว่า ในจำนวนนี้มีผู้สนับสนุนไอเอสเพียงหยิบมือ

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายชี้ว่า ระหว่างอยู่ในเรือนจำซิปินัง ของจาการ์ตา อาฟิฟเป็นหนึ่งในนักโทษราว 20 คนที่อยู่ใต้อิทธิพลของนักโทษขาใหญ่ที่เป็นนักการศาสนาอิสลามิสต์ “อามาน อับดุลราห์มาน” ที่บัญชาการผู้สนับสนุนไอเอสกลุ่มต่าง ๆ จากภายในคุก

ทอฟิก แอนดรี ผู้อำนวยการบริหารสถาบันเพื่อการสร้างสันติภาพระหว่างประเทศที่มีฐานอยู่ในจาการ์ตา บอกว่า อาฟิฟและอับดุลราห์มานอยู่ในห้องขังเดียวกันและสนิทชิดเชื้อกันมาก

อับดุลราห์มานมักเผยแพร่ “ตักฟิรี” หรือความเชื่อในหมู่พวหัวรุนแรงสุหนี่ที่อ้างความชอบธรรมในการก่อความรุนแรงต่อพวกนอกรีต และแม้อับดุลราห์มานถูกย้ายไปยังเรือนจำนูซากัมบันกัน ในจังหวัดชวากลาง ที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทว่าเขายังคงสามารถติดต่อกับอาฟิฟและสาวกอื่น ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 200 คนผ่านโทรศัพท์มือถือและผู้ส่งสาร

ทนายความของ อาบู บาการ์ บาอาซีร์ นักโทษหัวรุนแรงชื่อดังอีกคน เผยว่า การติดต่อสื่อสารจากในคุกสู่โลกภายนอกไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ผู้เชี่ยวชาญขานรับโดยบอกว่า เรือนจำไม่เข้มงวดเรื่องคนเข้าเยี่ยมที่อาจทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร ขณะที่นักโทษหัวรุนแรงอย่างอับดุลราห์มานยังสามารถจัดการเทศนาภายในคุกเป็นประจำ และใช้เป็นช่องทางเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงผ่านอีเมล เฟซบุ๊ก และเอกสารกระดาษ จากในคุกได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่นในปี 2014 ที่เขาประกาศสวามิภักดิ์ไอเอสผ่านระบบออนไลน์จากในเรือนจำ

ด้าน ซาอุด อุสมัน นาซูชัน หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของอินโดนีเซีย เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อปลายปีที่แล้วว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำไม่สามารถขัดขวางการสื่อสารในรูปแบบดังกล่าวได้เนื่องจากปัญหานักโทษล้นคุก

ทางด้านตำรวจอินโดนีเซีย ก็เชื่อว่า บาห์รัน นาอิม ชาวอินโดนีเซียที่กำลังร่วมรบอยู่กับไอเอสในซีเรีย และเชื่อกันว่า เป็นหัวเรือใหญ่ผู้วางแผนโจมตีในกรุงจาการ์ตาคราวนี้ ใช้โซเชียลมีเดีย สื่อสารแนวคิดหัวรุนแรงกับสาวกในแดนอิเหนา และอาจโอนเงินหลายพันดอลลาร์ไปยังบัญชีในอิเหนา

หลังจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการอินโดนีเซียจึงได้บล็อกเว็บไซต์หลายแห่ง รวมทั้งส่งจดหมายไปยังเครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และ เทเลแกรม เพื่อขอให้ลบเนื้อหาของกลุ่มหัวรุนแรงออก