รอยเตอร์สได้เผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นคำวินิจฉัยของเหล่านักวิชาการด้านอิสลามของกลุ่มไอเอสซึ่งอนุญาตการนำอวัยวะของตัวประกันที่มีชีวิตอยู่มาปลูกถ่ายให้กับชาวมุสลิมที่ต้องการโดยอ้างหลักคำสอนทางศาสนา
คำวินิจฉัยดังกล่าวลงวันที่ 31 มกราคม2015 เป็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่สหรัฐอ้างว่าได้มาระหว่างการตรวจค้นของหน่วยรบพิเศษในพื้นที่ด้านตะวันออกของซีเรียเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่รอยเตอร์สกล่าวว่ายังไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงของกลุ่มไอเอสหรือไม่
เอกสารดังกล่าวตั้งคำถามต่อคณะกรรมการการศึกษาและวินิจฉัยทางศาสนา(TheResearchand Fatwa Committee) ว่า “การเอาอวัยวะของผู้ละทิ้งศาสนาที่ถูกจับกุมตัวมามอบให้กับชาวมุสลิมที่ต้องการอวัยวะดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่”
“พระอัลเลาะห์ผู้ทรงพลานุภาพทรงทราบดีว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด” คณะกรรมการผู้วินิจฉัยฟัตวาของไอเอสเกริ่นนำ”มีหลักฐานทางตำรา, หลักการทางอิสลาม และกฎหมายที่สนับสนุนแนวคิดการนำอวัยวะที่สมบูรณ์จากร่างของผู้ละทิ้งศาสนามาปลูกถ่ายให้กับชาวมุสลิมเพื่อรักษาชีวิตหรือเพื่อสับเปลี่ยนอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้”
คำวินิจฉัยได้อ้างดำรัสของพระอัลเลาะห์ซึ่งปรากฏในพระคัมภีร์ส่วนหนึ่งว่า”หากผู้ใดช่วยชีวิตคนไว้ได้หนึ่งชีวิต ก็เปรียบดั่งผู้นั้นได้ช่วยผู้คนไว้ได้ทั้งมวล” ซึ่งคณะกรรมการฯของไอเอสตีความว่า สามารถนำไปใช้ได้กับทุกสถานการณ์เพื่อรักษาชีวิตผู้ศรัทธารวมถึงการปลูกถ่ายอวัยวะ
นอกจากนี้คณะกรรมการฯยังได้อ้างคำวินิจฉัยของสำนักคิดใหญ่ของอิสลามทั้งสำนักชาฟิอีย์และสำนักฮัมบาลีย์ซึ่งอนุญาตให้ฆ่านักรบของพวกนอกรีตเพื่อนำเนื้อมาบริโภคได้หากจำเป็นเพื่อเอาชีวิตรอดดังนั้นการเอาอวัยวะของผู้ละทิ้งศาสนามามอบให้กับชาวมุสลิมจึงถือว่าเหมาะสมแล้ว
“ชีวิตและอวัยวะของพวกละทิ้งศาสนาไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการเคารพ จึงสามารถแย่งชิงมาได้ โดยไม่ต้องรับผิดใดๆ” คณะกรรมการผู้วินิจฉัยฟัตวาของไอเอสกล่าวสรุป
แม้เอกสารดังกล่าวจะมิได้มีส่วนได้ยืนยันได้ว่ากลุ่มไอเอสได้ทำการสะสมหรือค้าอวัยวะแต่หากเอกสารดังกล่าวเป็นจริงก็จะเป็นการสร้างความชอบธรรมทางศาสนาให้สามารถกระทำการเช่นนั้นได้ภายได้การตีความอย่างสุดโต่งซึ่งถูกปฏิเสธโดยชาวมุสลิมส่วนใหญ่และอิรักก็เคยออกมากล่าวหาว่าไอเอสได้รวบรวมอวัยวะมนุษย์เพื่อนำไปส่งออกค้ากำไรด้วย
ที่มา MatichonOnline