พรรคประชาชาติเปิดเวทีปราศรัยปัตตานี ชูประเด็นการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเกิดความสงบ สันติภาพ กลับคืนมาเช่นอดีต และทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคประชาชาติ
ณ สนามกีฬาอำเภอยะหริ่ง ตรงข้ามโรงพยาบาลยะหริ่ง จ.ปัตตานี นาย วันมูฮำมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค นายมุข สุไลมาน รองหัวหน้าพรรค นายนัจมุดดีน อูมา โฆษกพรรค ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรวิทย์ บารู ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 1 เบอร์ 1 นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกียา ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 2 เบอร์ 7 นายอนุมัติ ซูสารอ ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 3 เบอร์ 3 นายสมมุติ เบ๊ญจลักษณ์ ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 4 เบอร์ 6 และสมาชิกผู้บริหารพรรค ร่วมปราศรัย ชูประเด็นการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเกิดความสงบ สันติภาพ กลับคืนมาเช่นอดีต และทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคประชาชาติ โดยประชาชนในพื้นที่เขต1 ปัตตานี เข้าร่วมรับฟัง หมื่นกว่าคน
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว พ่อแม่พี่น้องทำไมต้องเลือกพรรคประชาชาติ วันนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาของประเทศ ปัญหาของพี่น้องในปัตตานี เรามีปัญหาหลายอย่าง ปัญหาอย่างหนึ่ง ที่หนีไม่พ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่คนทั้งประเทศจับตามอง คือปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ปัญหาความไม่สงบจะมีคำถามมากกว่าคำตอบ ว่าเกิดจากอะไร การจะตอบปัญหาและการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นอาจจะมีผู้เสนอวิธีแก้มากมาย แต่ผมอยากให้เริ่มที่เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือเรื่อง ความคิดของคนที่จะมาแก้ปัญหา เหตุที่ให้ความสำคัญเรื่องความคิดเพราะว่าโดยปกติมนุษย์ทุกคนจะเป็น เชลยของความคิดจะเป็นทาสของความคิดเมื่อคนมีความคิดอย่างไรแล้วจะพูด ความคิดจะถูกเปลี่ยนเป็นคำพูดคำพูดจะถูกเปลี่ยนเป็นการกระทำ การกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเขาเรียกเป็นนิสัย
ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะแก้ยังไงคิดว่าเรื่องความคิดที่สำคัญความคิดหนึ่งถ้าเรามองพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนเป็นพลเมืองไทย เราเป็นพี่น้องกัน แม้แต่เราจะมีความแตกต่างในเรื่องความคิดความเชื่อวัฒนธรรมประเพณี ศาสนา แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน แต่ความคิดหนึ่งที่มาพูดเช่น เป็นความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดน พ่อแม่พี่น้องคนที่ถูกกล่าวหาเขาก็อยู่ที่นี่มาตลอดเขาอยู่ในแผ่นดินนี้มาตลอด ปู่เขาอยู่ที่นี่ พ่อเขาอยู่ที่นี่บรรพบุรุษเขาก็อยู่ที่นี่ เขาไม่เคยไปที่ไหนเลย แต่เมื่อความคิดเป็นคำพูดลักษณะนี้มันก็เป็นการตอกย้ำให้คนที่ไม่ได้เข้ามาในพื้นที่มองว่าคนกลุ่มนี้มีความรุนแรงเพราะทุกคน มีความรักชาติรักแผ่นดิน ถ้าเรามอกว่าพี่น้องในสามจังหวัดเป็นคนไทยด้วยกันเราเป็นพี่น้องกัน ถ้าเรามีปัญหาเราก็น่าจะหันหน้ามาคุยกันหรือมาแก้ปัญหา
ในอดีตต้องยกย่องทหารกองทัพภาคที่ 4 ในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในหลายครั้งทหารกองทัพภาคที่ 4 เขามีบทบาทเป็นทหารในการปกป้องแผ่นดิน แล้วเขาจะดูแลพ่อแม่พี่น้องในบทบาทหนึ่ง เช่น ใต้ร่มเย็น
แต่วันนี้เราได้เปลี่ยนวิธีคิด โดยเฉพาะการเอาทหารมาแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ พ่อแม่พี่น้องรู้ไหมว่าทหารมีเขียนในรัฐธรรมนูญว่าทหารมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศ คือการรบกับคนที่เป็นศัตรู ภัยคุกคามประเทศต่างๆในด้านพ่อแม่พี่น้องประชาชนไม่ใช่ศัตรู เราเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่
ผมเคยเป็นเลขาศอ.บต.ช่วงปี 2554 พบว่าหลังจากปี 2549 ที่มีการปฏิวัติปี 2550-2553 มีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากและโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิตก็มาจากจังหวัดต่างๆ ภาคเหนือภาคอีสานภาคกลางมาทุกสารทิศแล้วมาเสียชีวิต
คนที่เสียชีวิตถือว่าเขาทำคุณประโยชน์เข้ามาพลีชีพเพื่อทำหน้าที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ถูกกลับไปเมื่อลูกเข้ามาเสียชีวิตในสามจังหวัด เมื่อญาติเข้ามาเสียชีวิตในสามจังหวัดเขาจะมีความรู้สึกมองมาว่าทำไมคนในสามจังหวัดรุนแรง ทำไมคนในสามจังหวัดต้องฆ่าครอบครัวเขาทำไมคน 3 จังหวัดจึงเป็นแบบนี้
ผมเคยให้คณะและตัวผมเองไปเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียชีวิตเขาไม่ได้มองว่าผู้ก่อเหตุทำร้ายลูกเขา เขาตีความว่ามุสลิมทั้ง 3 จังหวัดทำร้ายเขา เราจะเห็นได้จากคำพูดต่างๆ ออกมาบางครั้งใช้คำพูดรวม 3 จังหวัดจะใช้คำว่าโจรใต้ อันนี้คิดว่าผู้คิดแก้ปัญหาเขามีความหวังดีแต่เขาไม่ใช่รู้ดี วันนี้การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคิดว่าเรื่องของคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องให้คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นผู้แก้ปัญหาเพราะเขาเป็นคนไทยด้วยกัน
เราต้องเลิกผูกขาดในการแก้ปัญหา สิ่งที่จะทำคือทุกคนน่าจะทำตามหน้าที่ เช่น ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าทหารมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศเราควรจะมาปกป้องวิชาชีพทหาร แม้จะเป็นมิติของความมั่นคงอะไรก็ตามควรจะเข้าไปอยู่ในค่าย ไม่ใช่ถอนทหาร ปัญหาในพื้นที่เราต้องกล้าให้ตำรวจหรือพลเรือน ไปดูแล ถ้าตำรวจปกครองดูแลไม่ไหว ก็จะขอกำลังทหารมาช่วยก็เป็นอีกเรื่อง
อันนั้นมันเป็นเรื่องปลายเหตุปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ความขัดแย้งเดินทางมาถึงวันนี้ มีการเปรียบเทียบสมัยที่มีการเริ่มพูดคุยแล้วได้เชิญพ่อแม่พี่น้องประชาชนมารับทราบปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเราต้องเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหามาพูดคุยเพื่อสันติภาพ มีประชาชนและผู้นำศาสนาหลายคนเขาบอกว่าภาคใต้ มียาอยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถแก้ได้ ยาชนิดนั้นคือการพูดคุยเพื่อสันติภาพเป็นยาขนานหนึ่งที่จะแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่การรักษาพยาบาล มันต้องมียาที่เป็นฟื้นฟู คือการเยียวยาฟื้นฟู เป็นยาบำรุงการรักษาจะต้องมีการบำรุง คือการเปลี่ยนผ่านจากความรุนแรงไปสู่สันติวิธี หนีไม่พ้นเรื่อง เยียวยา ฟื้นฟู การให้เกียรติ เพราะว่าวันนี้ กระบวนการยุติธรรมฝ่ายหนึ่งบอกเป็นธรรมแล้วทำตามกฎหมายแต่ประชาชนยังบอกว่าไม่เป็นธรรม มีหลายเหตุการณ์ที่เป็นเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็น กรือแซะ ตากใบ ไอร์ปาแย หรือเหตุการณ์จบแล้ว ศาลจบหมดแล้ว แต่ประชาชนยังรู้สึกไม่เป็นธรรม เราจึงต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ทั้งผู้นำศาสนา ทั้งผู้เสียหายที่เป็นญาติของคนตาย และเขาก็มาดูเขาพบว่าสิ่งที่เขาพบว่าญาติเขาไม่ได้ผิด แม้แต่ขบวนการยุติธรรมทำให้ได้เมื่อเขาได้รับการเยียวยาฟื้นฟู สิ่งที่เป็นคุณเอนกอนันต์ของพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คือศาสนา พี่น้องหลายคนที่เป็นครอบครัวผู้เสียหาย ความจริง เขาต้องแก้แค้น เขาแค้น แต่เขามองว่า อันนี้เป็นมิติของอัลลออฮ์ เขายอมให้อภัย แต่การจะยอมให้อภัยต้องทำความจริงให้ปรากฏ
ยาขนานที่ 1 คือยาปฏิชีวนะคือการพูดคุย ยาบำรุงคือการเยียวยาฟื้นฟู แต่ภาคใต้เรารักษาไม่หายเพราะมันมีของแสลงคือความหวาดระแวง คือการไม่ไว้ใจกัน การไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
วันนี้การจัดตั้งพรรคประชาชาติ เราคงไม่ได้แก้ปัญหาของประเทศ อย่างเบ็ดเสร็จทั้งหมดแต่อย่างน้อยที่สุดเราอยากทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีสันติสุขกลับคืนมา ทำยังไงจะให้พี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้เรามีความเจริญรุ่งเรือง เราจึงจำเป็นต้องตั้งพรรคประชาชาติเพื่อมาสร้างความปรองดอง ทำยังไงจะให้เกิดมิตรภาพ ระหว่างพี่น้องที่มีความแตกต่างกัน มีมิตรภาพระหว่างศาสนาระหว่างเชื้อชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรภาพในฐานะที่เป็นมนุษยชาติด้วยกัน
ถ้าเราทำสิ่งนี้ไม่ได้ เราคิดว่า ภาคใต้ไม่ได้เป็นปัญหาของ 3 จังหวัด เป็นปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของเพื่อนอาเซียนที่เราเข้าสู่อาเซียน ที่เคยพูดว่าเราไม่ควรจะผูกขาดทางการแก้ปัญหาให้หน่วยใดหน่วยหนึ่ง คือเราต้องเปิดโอกาสให้เรื่องของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องของคนทุกคนและเป็นเรื่องของวาระแห่งชาติ
พรรคประชาชาติไม่ได้เป็นพรรคที่จะมาแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่พรรคประชาชาติจะมาแก้ปัญหาของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และเป็นคนไทยทั้งประเทศ
เรื่องหนึ่งที่สั้นๆ วันนี้เราเห็นว่า วิธีการหนึ่งคือใช้นโยบายส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม สังคมพหุวัฒนธรรมหมายถึงวัฒนธรรมในความเท่าเทียมกัน
อยากจะยกตัวบุคคลคนหนึ่ง ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ผลักดันสังคมพหุวัฒนธรรม อย่างมาก คือท่านหะยีสุหลง โต๊ะมีนา พหุวัฒนธรรมอันหนึ่ง คือภาษา ภาษามลายูที่ท่านผลักดันจนท่านต้องหายไปคือ ท่านต้อง การให้สอนภาษามลายู ในขณะนั้น การมาเรียกร้องให้สอนภาษามลายูท่านต้องเสียชีวิต แต่วันนี้ภาษามลายูเป็นภาษาอาเซียน
ประเทศที่ไม่ต้องให้ท่านหะยีสุหลง ลพูด คือประเทศสิงค์โปร์ ประเทศสิงคโปร์ มีภาษาราชการ คือภาษามลายู ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน นี่คือบรรพบุรุษที่ได้ผลักดันสังคมพหุวัฒนธรรมให้แล้วและผมก็เชื่อว่าความเป็นพหุวัฒนธรรมอันนี้จะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างในภาคใต้ เพราะพหุวัฒนธรรมคือคนส่วนใหญ่ ต้องให้ความสำคัญคนส่วนน้อย เราไม่ควรเอาวัฒนธรรมหนึ่งไปใหญ่กว่าวัฒนธรรมหนึ่งและบังคับ ให้วัฒนธรรมหนึ่งต้องมาทำตามเพราะไม่ฉะนั้นจะไปสู่ความขัดแย้ง
การแปลงสังคมพหุวัฒนธรรมมาสู่การปฏิบัติ พหุวัฒนธรรม ถ้าแปลงอีกนิดหนึ่งคือคนต้องมีสิทธิ์เสมอกัน คนทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะมีถิ่น ที่ไหนต้องมีสิทธิ์เสมอกัน
จะยกตัวอย่าง นโยบายพรรคประชาชาติ ง่ายๆที่เราจับตรงกับพหุวัฒนธรรมมาใช้ เช่นวันนี้เรามองว่าคนทั้งประเทศส่วนใหญ่ยากจน เพราะมีความเหลื่อมล้ำ เราจึงกล้ามีนโยบาย 3000 บาท บำนาญถ้วนหน้า อันนี้นโยบายรัฐสวัสดิการ ใครก็ตามที่มีอายุ 60 ปี ไม่ต้องมาวิ่งเต้น ไม่ต้องมาเป็น เบี้ยคนจน เขาถือว่าเขามีสิทธิ์ได้รับสวัสดิ์การ 3,000 บาทเพราะ 3,000 บาท ไม่ใช่เป็นเรื่องที่คิดมาด้วย กัน แบบ สนุก ขึ้นมา เพราะวันนี้เราไปกำหนดเส้นแห่งความยากจนคือ 2800-2900 หรือ 3,000 บาท ดังนั้นถ้าเส้น 3,000 บาท แสดงว่าคน 11 ล้านคน ที่เป็นผู้สูงอายุ จะไม่ยากจน
เราไม่ได้คิดแค่นั้นเพราะวันนี้ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ผลักภาระการเสียภาษีไปให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน พ่อแม่พี่น้องประชาชน เติมน้ำมัน 1 ลิตรเสียภาษี 10 บาทเป็นภาษีสรรพสามิต 6 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มอีก ทุกคนมีมอไซค์มา เติม1ลิตร เสียภาษีหมด และไม่มีสิทธิ์ที่จะหนีภาษีเลย ไปซื้อของ 100 บาทมีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 บาท
ท่านเสียภาษีตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 60 แสดงว่าท่านอ้อมมาเมื่อท่านอ้อมมา พอท่านอายุ 60 ท่านก็ต้องได้รับการดูแล จากการได้คืน จากเงินอ้อม คือ 3000 บาท โดยเฉพาะ คน 3 จังหวัด เราไม่มีสวัสดิการ เหมือนข้าราชการเลยเราเป็นอาชีพชาวสวนเราไม่มีสวัสดิการเลย
การคิดของพรรคประชาชาติไม่ได้คิดเพื่อตัวเอง แต่คิดว่า อย่างน้อยที่สุดที่บอกว่าประเทศเรายากจน คนที่เป็นผู้สูงอายุ 11 ล้านคน จะกี่ร้อยคนอายุ 100 ปีก็เกินเส้นความยากจน
ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนสำหรับพรรคประชาชาติ วันนี้เรามีนโยบายที่จะปฏิรูปหรือทำระบบการจัดเก็บภาษีใหม่ไม่ให้มีการหลบเลี่ยง
วันนี้แค่เรายกเว้นภาษีให้กับคนรวยหลายรายการมาก กับเบี้ยผู้สูงอายุที่มีแล้ว แสนล้านเพิ่ม สองแสนล้าน ปีนี้มีการตั้งงบประมาณบริหารประเทศ สามล้านสองแสน ผู้สูงอายุจะใช้เงินประมาณ 6.2 แสนล้านเอง ถ้าเอาประชาชนคนไทยไปหารจะเท่ากับ 4800 บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุเอามาแค่ 3,000 ยังเหลือเงินคืนไปให้ ทำบริหารประเทศได้
ดังนั้นการคิดให้ผู้สูงอายุ 3000 บาท มันเป็นการคิดในฐานะพหุวัฒนธรรม ในฐานะสิทธิ์คนต้องเท่าเทียมกัน ถ้าอายุ 60 ไม่มีใครที่จะไม่ได้ 3,000 บาท ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นข้าราชการ ที่ได้รับบำนาญ 5- 6 หมื่นบาท ก็จะได้รับ 3,000 บาท จะเอาไปทำบุญจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ อันนั้นเป็นสิทธิ์ที่จะต้องได้รับ คนรวยที่สุดของประเทศก็ต้องได้รับพ่อแม่พี่น้องก็ต้องได้รับ
คิดว่า 3,000 บาทวันละ 100 บาทกับชีวิตของพวกเราเราอยู่ได้เพราะความสุขสมบูรณ์ของเราไม่ใช่เงินความสุขของเราคือ ได้ปฏิบัติกิจทางศาสนา
วันนี้ ปัญหา ของประเทศไทยพรรคประชาชาติเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ใช้ความสำคัญเรื่องความรู้สูงสุดเรา คิดว่าเราแก้ปัญหาต้องใช้ความรู้พรรคประชาชาติจึงเป็นพรรคการเมืองที่ส่งเสริมการศึกษาของคนตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาจนถึงสิ้นลมหายใจ เป็นการศึกษาฟรีที่มีคุณภาพ