(9 ก.พ. 61) ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 43 แจ้งความดำเนินคดีเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ MGR Online กองบรรณาธิการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวทางเว็บไซต์อันเป็นเท็จทำให้หน่วยฯ เสื่อมเสียชื่อเสียง ณ สภ.เมืองปัตตานี ยันไม่ไกล่เกลี่ย และยืนยันไม่มีการซ้อมทรมานเพราะไม่คุ้มค่า
พันเอกหาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 เดินทางไปยัง สภ.เมืองปัตตานี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์และผู้เกี่ยวข้อง กับการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการซ้อมทรมานในค่ายทหาร สำหรับการเสนอข่าวของสำนักข่าวนั้นไม่เป็นความจริง และไม่มีปัจจัยใดๆ ให้ต้องกระทำการดังกล่าว การกระทำของสำนักข่าวที่นำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจ และความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดเพราะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องการสร้างความเข้าใจ จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีกับสื่อดังกล่าวให้ถึงที่สุด
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งในสำนวนสอบสวนว่า ได้รับมอบอำนาจจากแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อกล่าวโทษ สอบสวน ดำเนินคดีกับบรรณาธิการเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ข่าวทางออนไลน์ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาและนำข้อความเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ด้วยประการที่จะเกิดความเสียหายต่อกอ.รมน.ภาค 4 สน.และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ดังคดีกล่าวคือ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกหาญพล ได้เปิดเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ พบข้อความ…สรุปได้ความว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ได้ถูกซ้อมทรมานบังคับด้วยวิธีการต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริง ทำให้หน่วยฯ ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ ผอ.กอ.รมน.ก4 ได้มอบอำนาจให้มากล่าวโทษกับกองบรรณาธิการผู้จัดการออนไลน์ จนคดีถึงที่สุดต่อไป
พันเอกหาญพล เพชรม่วง กล่าวว่า การลงข่าวการซ้อมทรมานของหน่วยของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ไม่เป็นความจริง
“การเอาตำแหน่งตัวเองไปแลกกับการซ้อมทรมาน มันไม่คุ้มค่า จากการทำงานของหน่วยฯ เราที่ช่วยในการปิดคดีสำคัญเช่น ระเบิดบิ๊กซี ปล้นรถมาจากวังโต้ นำไปสู่การโจมตีและดิสเครดิต วิเคราะห์ว่าการนำเสนอแบบนี้มองว่าเป็นขบวนการบางอย่างที่มีการสั่งการมา เป็นการดิสเครดิตเจ้าหน้าที่และหน่วยฯ ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่จะให้เอาตัวมาเผยแพร่ให้ได้”
นายวิฑูรย์ คีรีลักษณ์ ทนายความฝ่ายเจ้าหน้าที่กล่าวว่า “ขั้นตอนการซักถาม มีทนายความ พนักงสนสอบสวน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ญาติ แพทย์ วันรับเข้า แพทย์จะตรวจร่างกายก่อน ก่อนออกมีการตรวจอีกครั้ง ฉะนั้นสามารถยืนยันได้ว่า ทางหน่วยฯ ไม่ได้ซ้อม ไม่ได้ทรมาน การออกข่าวลักษณะนี้ทำให้หน่วยฯ เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงต้องออกมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
ร.ต.ณัฐพงษ์ ยิ่งยงศักดิ์ นายทหารพระรัฐธรรมนูญที่ดูแลด้านกฎหมายของหน่วยฯ กล่าวว่า ขั้นตอนการออกหมายเรียกเชิญตัวคนเขียนข่าว กองบรรณาธิการ คนที่เกี่ยวข้องกับข่าวที่เผยแพร่ออกไปเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน กระบวนการซักถามมีกระบวนการคือ ก่อนเข้าและหลังจากออกจะมีแพทย์ตรวจร่างกาย มีใบรับรองแพทย์ เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง การซ้อมทรมานไม่คุ้มค่า เพราะหลักฐานที่มาจากการซ้อมทรมานใช่ไม่ได้ ไม่มีความหมายที่จะทำแบบนั้น
พนักงานสอบสวนสภ.เมืองปัตตานี กล่าวว่า จะผิดจะถูกเป็นเรื่องของการสอบสวน ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นความจริงแค่ไหน จะทำให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครผิด สามารถร้องทุกข์ได้ เมื่อสอบสวนว่าผิด ต้องอยู่ในดุลยพินิจของศาล