เบรุต – ในแง่ของการเข้ายึดครองอิรักของอเมริกา และแผนการปัจจุบันของสหรัฐฯ ในการฝึกซ้อมนักรบในตุรกี ซาอุดิอาระเบีย และจอร์แดน อาลี ฮาชิม บอกว่า ไม่มีตัวเลือกอีกแล้วในตะวันออกกลาง
ฮาชิมเป็นหัวหน้าผู้สื่อข่าวให้กับอัล-มายาดีน ช่องข่าวของกลุ่มรวมชาติอาหรับในเบรุต เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นการทำสารคดีความยาว 50 นาที เกี่ยวกับอบูบักร์ อัล-บักดาดี ผู้นำของรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ไอซิซ) เขากล่าวกับสำนักข่าวมินท์เพรส และอธิบายว่า ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ รวมถึงการที่สหรัฐฯ ฝึกซ้อมและให้อาวุธแก่นักรบฝ่ายกบฏ เป็นการส่งเสริมการทำลายล้างภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหมด
“มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอัฟกานิสถาน และเราได้เห็นผลมาแล้ว” ฮาชิมกล่าว “นักรบสายกลางที่ได้รับการหนุนหลังและให้อาวุธจากสหรัฐฯ กลับกลายมาเป็นนักจี้เครื่องบินที่ก่อเหตุการณ์ 11 กันยายน”
“ผมเกรงว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่วังวนแบบเดียวกันนั้นอีกครั้ง”
ในที่นี้มีปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งในการจัดการกับไอซิซ ฮาชิมอธิบายว่า
“ข้อ เท็จจริงคือ ไอซิซกำลังเติบโตใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันไม่เกี่ยวกับอิรักเฉพาะตอนนี้เท่านั้น ถ้าไอซิซถูกทำลายในอิรัก ก็ยังมีไอซิซอยู่ในซีเรีย และถ้ามันถูทำลายในซีเรีย มันก็ยังมีในลิเบีย และยังมีในไนจีเรีย และในอียิปต์ มันจึงกำลังขยายตัวขึ้น”
เมื่อ ไม่กี่วันที่ผ่านมา อบูบาการ์ เชเกา ผู้นำโบโก ฮาราม ได้ประกาศสัตยาบันต่ออัล-บักดาดี “คอลิฟะห์” ของไอซิซ ในแถลงการณ์ทางเสียงที่โพสต์ในทวีตเตอร์ เชเกากล่าวว่า “เราขอประกาศสัตยาบันต่อคอลิฟะห์… และจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามในช่วงเวลาที่ยากลำบากและช่วงเวลาที่รุ่งเรือง” ตามรายงานของบีบีซี
เมื่อ กล่าวถึงการตอบโต้กับไอซิซ ฮาชิมแนะนำให้ใช้วิธีอื่น “มันไม่ใช่เรื่องการต่อสู้กับพวกเขา” เขากล่าว และแนะนำว่า ควรจะต่อสู้กับกลุ่มนี้ในทางสติปัญญา และรากฐานของขบวนการสุดโต่งนี้จำเป็นจะต้องมีการจัดการทางแนวความคิด “มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาก็จะฆ่าผู้คนต่อไป” เขากล่าว
รายงานเดือนกันยายนจากการค้นคว้าวิจัยอาวุธในการต่อสู้ระบุว่า อาวุธจำนวนมากที่ไอซิซมีใช้นั้นมาจากอาวุธของสหรัฐฯ ที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้ รายงานนี้ยังระบุด้วยว่า กลุ่มนี้ยังครอบครองอาวุธจำนวนมากที่ผลิตโดยรัสเซียและจีนอีกด้วย บิสิเนส อินไซเดอร์ รายงานในเดือนกรกฎาคมว่า กลุ่มนี้ “เก็บเกี่ยว” อาวุธจากประเทศเหล่านั้น รวมทั้งคาบสมุทรบอลข่าน และอิหร่าน
หน่วยฟอลคอน เซลล์ และความพยายามล่าสุดของกองทัพอิรักในการสังหาร อัล-บักดาดี
สารคดี “การค้นหาอัล-บักดาดี” ของฮาชิม พูดถึงปฏิบัติการของหน่วยข่าวกรองอิรักที่เรียกว่า “ฟอลคอน เซลล์” ที่พยายามสังหารอัล-บักดาดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนในเมืองอัล-กออิม ของอิรักที่ติดกับชายแดนซีเรีย
อย่างไรก็ตาม หน่วยนี้ทำภารกิจไม่สำเร็จ เนื่องจากความโชคร้ายขององค์กร ฮาชิมเขียนในเดอะซันเดย์ ไทมส์ ว่า
“มีคำสั่งให้กองทัพอากาศของอิรักโจมตีโรงเรียนนั้น แต่กระทรวงกลาโหมไม่ปฏิบัติการใดๆ เพราะฟอลคอนไม่ยอมเปิดเผยชื่อของเป้าหมาย เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมรออยู่หนึ่งชั่วโมงก่อนที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีของ ฮัยดัร อัล-อาบีดี จะเข้ามาแทรกแซง”
ใน เวลานั้นมันก็สายเกินไปแล้ว และกองทัพอากาศจบลงด้วยการยิงขบวนของผู้นำไอซิซที่กำลังเดินทางอยู่ บอดี้การ์ดส่วนตัวของอัล-บักดาดี ชื่ออบู มุฮันนัด เสียชีวิต อัล-บักดาดีได้รับบาดเจ็บที่ท้องและหลัง แต่เขาสามารถข้ามชายแดนเข้าไปในซีเรียได้อย่างปลอดภัย
“โอกาส ที่จะกำจัดผู้นำของกลุ่มก่อการร้ายที่ร่ำรวยที่สุดและมีความพร้อมที่สุดใน โลกได้หลุดลอยไปกับการโต้เถียงเล็กๆ น้อยๆ ของทางราชการ” ฮาชิมสรุป
ใครคืออบูบักร์ อัล-บักดาดี?
“คน ผู้นี้เคยเป็นพวกเดียวกันกับเรา เขาถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันกับเรา” ฮาชิมบอกกับมินท์เพรส ฮาชิมเน้นว่าอัล-บักดาดีมีชีวิตแบบปกติธรรมดามาตลอดกับครอบครัวของเขาในตูบ ชี ทางตะวันตกของแบกแดด และเขาเคยนำละหมาดที่มัสยิดประจำท้องถิ่น
ฮาชิมกล่าวว่า คนที่รู้จักอัล-บักดาดีในแบกแดดจะกล่าวถึงเขาว่าเป็นคน “ใจเย็น” และจะไม่พยายามเรียกร้องความสนใจมายังตัวเอง ฮาชิมบอกด้วยว่า อัล-บักดาดีเป็นคนฉลาดมาก ความจริงแล้วมีรายงานว่าเขาได้รับปริญญาเอกด้านอิสลามศึกษาจากมหาวิทยาแห่ง หนึ่งในแบกแดด ประชาชนยังระบุถึงความเก่งกล้าของผู้นำนักรบคนนี้ในฐานะผู้รุกบนสนามฟุตบอล เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เขาได้ชื่อเล่นว่า “มาราโดน่า” ตามชื่อแชมป์ฟุตบอลโลกชาวอาร์เจนติน่าผู้มีชื่อเสียง
ตรง ข้ามกับทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้ายที่น่ากลัวที่สุดที่ เคยเกิดขึ้น การขึ้นสู่อำนาจของอัล-บักดาดีเป็นแนวตรงมาก และไม่ค่อยจะมีในสายลับซีไอเอและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอิสราเอล
“ประชาชน โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนเช่นนี้อยู่ในหมู่พวกเขา” ฮาชิมกล่าวและว่า “พวกเขาต้องการจะโทษตะวันออกกลางหรืออิสราเอลอยู่เสมอ”
เขายืนยันว่า ข้อเท็จจริงไม่สนับสนุนข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น
ใน เวลานี้ สหรัฐฯ กำลังถูกวิจารณ์เนื่องจากการส่งอาวุธให้ฝ่ายกบฏที่กระจัดกระจายและไปเข้า ร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงอย่างเช่น ญับฮาตุล-นุสรอ ที่เชื่อมโยงกับอัล-กออิดะฮ์ในซีเรีย หรือที่เรียกว่า แนวร่วมนุสรอ พันธมิตรของสหรัฐฯ เช่น ตุรกี และสหภาพยุโรป เคยถูกตำหนิในอดีตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดในการยอมให้ไอซิซลักลอบขนส่ง น้ำมันออกจากประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนเงินทุนแก่การทำงานของพวกเขา
กลุ่มต้านทาน : ต้นตอการมีแนวคิดสุดโต่งของอัล-บักดาดี
จุด พลิกผันสำคัญในการมีแนวคิดสุดโต่งของอัล-บักดาดี และการตัดสินใจเข้าร่วมกับอัล-กออิดะฮ์ในอิรักขณะนั้นก็คือ การที่สหรัฐฯ เข้ายึดอิรัก และการที่เขาถูกกักขังเมื่อปี 2004 ที่ค่ายบุคคา ศูนย์กักตัวที่ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นกองทัพสหรัฐฯ ฮาชิมบอกกับมินท์เพรส
“เขาเป็นคนธรรมดา อย่างน้อยเขาก็เคยเป็น” ฮาชิมกล่าว “เขาเป็นคนหนุ่มจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เข้ามาศึกษาในแบกแดด แต่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปหลังจากการเข้ายึดครองของอเมริกา”
หนทางแรกที่ชีวิตของอัล-บักดาดีเปลี่ยนแปลงไปก็คือ เขาได้กลายมาเป็นนักรบ มาร์ติน ชูลอฟ จากเดอะการ์เดียน รายงานว่า อัล-บักดาดีช่วยก่อตั้งกลุ่มเจอิช อะห์ลิซ-ซุนนะห์ อัล-จะมาอะห์ ก่อนที่เขาจะอเมริกาจับกุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2004
ฮา ชิมบอกว่า อัล-บักดาดีมีแนวคิดแบบสุดโต่งภายในค่ายบุคคา ที่ซึ่งเขาได้พบกับคนสำคัญของอัล-กออิดะฮ์และอดีตสมาชิกพรรคพาธหลายคน ซึ่งทุกคนต่อสู้กับการยึดครองประเทศของอเมริกา การที่คนเหล่านี้มาอยู่ในที่เดียวกัน ฮาชิมกล่าวว่า “คุณสามารถจินตนาการเอาได้เลยว่า แผนการแบบไหนที่จะออกมาจากสถานที่เช่นนี้”
เขา อธิบายว่า การมีแนวคิดสุดโต่งจากผลของการอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก “มันเป็นสถานการณ์ ไม่เฉพาะสำหรับอัล-บักดาดีเท่านั้น แต่สำหรับคนอีกหลายคนที่ต้องเข้าคุกในฐานะคนธรรมดา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในฐานะอัล-กออิดะฮ์… และพวกเขาออกมาจากคุกในฐานะผู้ปฏิบัติการของอัล-กออิดะฮ์”
หลัง จากกลายเป็นสมาชิกของอัล-กออิดะฮ์ และถูกปล่อยตัวในเดือนธันวาคคม 2004 อัล-บักดาดีได้พัฒนางานของเขาในอัล-กออิดะฮ์ ด้วยการใช้การติดต่อในคุกของเขา และไต่เต้าขึ้นไปจนกระทั่งถึงตำแหน่งสูงสุดขององค์กร
จิตใจของคนหัวรุนแรง
ก่อน ที่จะถูกทำให้มีแนวคิดสุดโต่งที่ค่ายบุคคา อัล-บักดาดีถูกจูงใจจากคำสอนของ ดร.อิสมาอิล อัล-บัดรี ที่สอนเขาเกี่ยวกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม องค์กรทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปี 18928 และปัจจุบันถูกห้ามในหลายประเทศทั่วตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ฮาชิมบอกว่า อัล-บักดาดีเชื่อว่า กลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีวิธีการเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นทฤษฎีเสียมากกว่า และขาดการขับเคลื่อนเพื่อดำเนินการและทำบางอย่างที่แท้จริง
อย่างไร ก็ตาม ภายในค่ายบุคคา อัล-บักดาดีได้มีการติดต่อกับกลุ่มคนต่างๆ อย่างเช่น ฮัจญีอบูบักร์ สมาชิกคนหนึ่งของกองทัพอิรักก่อนหน้าการรุกรานของสหรัฐฯ ต่อมาเขาได้เป็นหัวหน้าสภาทหารของไอซิซ และมีรายงานว่าได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการผ่านขึ้นไปสู่ตำแหน่งต่างๆ ในองค์กรของอัล-บักดาดี
หลัง จากออกจากศูนย์กักตัวนั้น อัล-บักดาดีได้พบกับอบูฮัมซา อัล-มุฮาจิร ผู้สืบทอดตำแหน่งของอบู มูซับ อัล-ซัรกอวี ผู้นำอัล-กออิดะฮ์ในอิรัก ผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดแนวความคิดของเขาด้วยเช่นกัน มุฮาจิรถูกสหรัฐฯ สังหารในเมืองทิกริตของอิรัก เมื่อปี 2010
หนทางสู่สันติภาพ
“มี คนรุ่นหนึ่งที่กำลังจะมาถึง และกำลังถูกเลี้ยงดูมาในดินแดนแห่งนี้ ที่มองไม่เห็นอนาคตเลยในขณะนี้” ฮาชิมกล่าวด้วยความเสียใจกับมินท์เพรส
หน้าที่ หลักสำหรับตัวละครระดับนานาชาติและผู้มีอำนาจระดับภูมิภาคไม่ควรจะเป็นการ สร้างสงครามขึ้นมาอีก เขากล่าวและอธิบายว่า “หน้าที่หลักในขณะนี้ ในภูมิภาคนี้ควรจะเป็นความพยายามทำความเข้าใจว่าจะสร้างหนทางไปสู่สันติภาพ ได้อย่างไร”
เขา ยอมรับว่า ทุกคนเชื่อว่าตัวเองอยู่บนหนทางที่ถูกต้อง แต่สนับสนุนให้เกิดความรู้สึกว่า ควรจะมีความพยายามที่จะนำคนที่มีความคิดสุดโต่งให้กลับมาสู่หนทางที่สันติ มากกว่า สิ่งนี้รวมถึงการหาวิธีทำให้ประชาชนรู้สึกว่า “มีประโยชน์ต่อโลกนี้” มากขึ้น เขากล่าว
“มัน ไม่ใช่การใช้อาวุธเท่านั้นที่จะทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลง” ฮาชิมกล่าว “เราต้องเข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้จึงเต็มใจที่จะฆ่าตัวเอง ทำไมคนเหล่านี้จึงระเบิดตัวเอง และระเบิดตัวเองในหมู่คคนอื่นๆ มีเหตุผลสำหรับสิ่งเหล่านี้”
แปลจาก http://www.mintpressnews.com/interview-who-is-isis-leader-abu-bakr-al-baghdadi-ali-hashem-knows/203265/