อ.เผ่าทอง ทองเจือ โพสต์ภาพอันน่าอับอาย หลังพบอักษรภาษาไทยโผล่บนแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศจอร์แดน ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ล่าสุด โรงเรียนที่มีชื่ออยู่บนหินเผยไม่เกี่ยวผู้บริหาร แต่เป็นศิษย์เก่า และสั่งให้ลบแล้ว
วันนี้ (22 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Paothong Thongchua” (เผ่าทอง ทองเจือ) อดีตคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์รูปภาพของแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของประเทศจอร์แดน คาดว่าเป็น นครเปตรา ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี (และได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่) อีกทั้งได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่มีตัวอักษรภาษาไทยสลักอยู่บนหินโบราณ ซึ่งเป็นชื่อของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี ประเทศไทย
โดยระบุข้อความว่า “ณ บริเวณแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่มีภาพสลักหินและภาพลายเส้น อายุกว่า 2,000 ปี ก็มีคนชาติไหนไม่ทราบ มาเขียนข้อความดังในภาพเอาไว้สดๆ ร้อนๆ เพียงแค่ 1 วัน ก่อนหน้าที่ผมจะมาถึงที่นี่ และเจ้าหน้าที่จอร์แดนฝากบอกคนเขียนให้ไปลบออกด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะประจานประเทศไทยและ ร.ร. ที่เขียน ให้นักท่องเที่ยวทุกชาติทราบว่าประเทศไทยไม่ดูแลคุณภาพของคนในประเทศของตัวเอง”
โพสต์ดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 1,000 ครั้ง ทั้งนี้ ได้มีการจับผิดจากชาวโซเชียลสืบมาได้ว่า กลุ่มผู้มือบอนเหล่านี้น่าจะเป็นคณะผู้บริหารของโรงเรียน ซึ่งได้เดินทางมาดูงานที่ประเทศจอร์แดนเมื่อวันที่ 21 พ.ย. จนถูกประณามถึงการขาดวุฒิภาวะ
ล่าสุดทางโรงเรียนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในบนหินโบราณ (โรงเรียนซอลีฮียะห์) ก็ได้ออกมาชี้แจงและอธิบายถึงเรื่องราวดังกล่าว ผ่านเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนที่ชื่อว่า “โรงเรียนซอลีฮียะห์ – Salihiyah School” โดยระบุว่า “ทุกคนอาจจะรู้เรื่องข่าวคราวเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้..ในฐานะในนามโรงเรียนซอลีฮียะห์ ซึ่งทางโรงเรียนรับรู้เเละรับทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางโรงเรียนเองก็ได้ติดต่อผู้เขียนไว้เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งผู้เขียนเองก็ยอมรับผิดเเละพร้อมที่จะลบข้อความดังกล่าว ผู้เขียนข้อความดังกล่าวท่านนี้เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน ซึ่งขณะนี้เขากำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศจอร์เเดน เเละไม่ได้เกี่ยวกับผู้บริหารใดๆ ทั้งสิ้น ทางผู้บริหารเองก็ได้เเนะนำเเละตักเตือนนักเรียนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ขอความกรุณาจากทุกภาคส่วนให้หยุดโพสต์หยุดเเชร์ข้อความดังกล่าว ซึ่งทางโรงเรียนเองขออภัยทุกท่านกับสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว”
(ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก: Paothong Thongchua, โรงเรียนซอลีฮียะห์ – Salihiyah School)
ที่มา: http://www.tnews.co.th