หมดอายุงานและได้เวลาปลดประจำการแล้วสำหรับเรือเหาะตรวจการณ์ที่กองทัพบกได้จัดซื้อด้วยงบประมาณสูงลิ่วเพื่อใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เกิดปัญหาบอลลูนรั่วจนต้องเก็บในโรงจอดจนหมดอายุการใช้งาน และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อันอื้อฉาวเกี่ยวกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกที่ไร้ประสิทธิภาพอีกตำนานหนึ่ง
เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า การใช้งานนั้นตัวเรือเหาะซึ่งเป็นบอลลูนตอนนี้หมดอายุการใช้งานแล้ว เพราะเป็นผืนผ้า แต่กล้องตรวจการณ์ยังใช้งานได้ ดังนั้นจะต้องมีการปรับรูปแบบการใช้งาน โดยอาจจะนำไปติดอากาศยานแทน ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กำลังดำเนินการอยู่
“อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบการ ยืนยันว่าจะไม่มีการซื้อตัวบอลลูนใหม่ แต่ส่วนประกอบที่เป็นกล้องจะนำมาปรับรูปแบบการใช้งาน เพราะมีราคาแพง และถือเป็นหัวใจของกระบวนการในการค้นหา นำไปประยุกต์ใช้กับอากาศยาน ซึ่งขณะนี้กำลังทดลองทำอยู่“ ผบ.ทบ.กล่าว ตามรายงานของเดลินิวส์
พล.อ.เฉลิมชัย ระบุว่า ในส่วนรถลากเรือเหาะที่มีข่าวว่าจะมีการนำไปประมูลขายทอดตลาดนั้น อยู่ในขั้นตอนที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป เพราะทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานก็จะเกิดความเสียหาย
กองทัพบกได้จัดซื้อเรือเหาะ และระบบตรวจการณ์นี้มาในราคาประมาณ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นตัวราคาตัวเรือเหาะประมาณ 260 ล้านบาท กล้องตรวจการณ์ และระบบภาคพื้น รวมถึงรถต่างๆ ประมาณ 70 ล้านบาท โดยเข้าประจำการเมื่อปี 2552 แต่ต่อมาเกิดปัญหาตัวบอลลูนรั่ว และต้องเติมก๊าซฮีเลียมที่มีราคาแพง จนต้องจอดเก็บในโรงจอด ที่กองพลทหารราบที่ 15 ( พล ร.15) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผบ.ทบ.ได้จ้าง บริษัทมาดูแลรักษาซ่อมบำรุง ปีละ 50 ล้านบาท และได้นำออกมาบินตรวจการณ์บ้างเป็นบางครั้ง แต่ถูกวิจารณ์ว่าบินต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด จนที่สุดก็ต้องจอดเก็บไว้จนหมดอายุการใช้งาน