หน้าแรก ข่าวในประเทศ ข่าวชายแดนใต้

ผบ.ฉก.ปัตตานี มอบเงินทำขวัญแก่ญาติเหยื่อลูกกระสุนปืนทหาร ด้านคดียังไม่คืบหน้า

ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี มอบเงินทำขวัญให้กับญาติเหยื่อลูกกระสุนปืนของทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 จากเหตุยิงใส่รถยนต์ชาวบ้าน ส่วนทางด้านคดียังไม่มีความคืบแต่อย่างใด

วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถของชาวบ้าน ในพื้นที่ ม.2 ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ นางเจ๊ะยารอ อาแว อายุ 57 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย กระสุนเข้ากลางหลังทะลุปอดฝังใน และกระสุนเฉียดเข้าที่บริเวณศีรษะอีก 2 จุด ซึ่งยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี อาการโดยรวมปลอดภัย แพทย์ยืนยันว่าได้พ้นขีดอันตราย และอยู่ระหว่างการฟักฟื้นร่างกาย ก่อนที่จะมีการผ่าตัดเอาชิ้นส่วนของกระสุนออกจากร่างกายต่อไป

ส่วนคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกันอีก 5 คน รวมทั้งเด็กวัย 8 เดือน และ 3 ขวบที่ถูกเศษกระจกรถบาดนั้น ปลอดภัยกันทั้งหมดแล้ว โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา บนถนนเลียบคลองชลประทาน สายบ้านเกาะจัน-กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี

ล่าสุด พล.ต.จตุพร คลัมพสูต ผบ.ฉก.ปัตตานี ได้มีการมอบเงินค่าทำขวัญให้ผู้เสียหาย จำนวน 2 แสนบาทถ้วน ที่โรงพัก สภ.มายอ โดยมี นายอุสมาน กาแลซา ลูกชายเป็นผู้รับมอบ โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน และ ผกก.สภ.มายอ ร่วมเป็นสักขีพยานของการมอบเงินในครั้งนี้ พร้อมได้ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ทำให้ญาติรู้สึกมีกำลังใจดีขึ้นที่มีผู้หลักผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และดีมาตลอด

จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่จำนวนเงิน 2 แสนบาท ที่ได้มอบให้ในวันนี้เป็นเงินของผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่เกี่ยวกับเงินที่ทางหน่วยงานเยียวยา ที่จะดำเนินการให้การช่วยเหลือตามกฎหมายอีกที ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และแสดงถึงน้ำใจที่ทหารมีน้ำใจต่อประชาชน และไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน

ส่วนความรู้สึกของผู้เสียหายก็ยังคงมีความวิตกกันอยู่พอสมควร นอนไม่ค่อยหลับ เพราะยังนึกถึงภาพค่ำคืนที่เกิดเหตุ และทุกวันก็ยังต้องใช้เส้นทางเดิมไปกลับทุกวัน เนื่องจากต้องไปเฝ้าแม่ที่ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี ทางญาติผู้เสียหายจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดวางมาตรการในการจะป้องกันเหตุลักษณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก มิฉะนั้นชาวบ้านคงต้องรอรับชะตากรรมว่าใครจะเป็นรายต่อไป เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านอาศัยชีวิตอยู่ร่วมกับกองกำลังที่มีอาวุธครบมือเกือบทุกศอกทุกมุม และคงจะปฏิเสธไม่ได้

ขณะที่ความคืบหน้าของคดีนั้นยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยยังไม่ได้เรียกฝ่ายใดมาให้ปากคำกับพนักงานสอน นอกจากนั้น ทางญาติผู้เสียหายยังเป็นห่วงเรื่องเมมโมรี่การ์ด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงออกจากกล้องของรถของผู้เสียหาย ทวงขอมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ยอมคืนให้สักที เพราะฝ่ายผู้เสียหายกลัวจะหาย และได้รับความเสียหาย ทุกครั้งเวลาขอคืนมักมีปากเสียง และอ้างว่าเจ้าหน้าที่กำลังเอาไปกู้ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องกู้แค่ก๊อบปี้ก็เสร็จแล้ว ถ้าทางพนักงานสอบสวนจะใช้ประกอบเป็นหลักฐานในสำนวนคดี เพราะเป็นระบบ MP4 สามารถอ่านได้ทันที ไม่ต้องแปลงหรือกู้อะไรอย่างที่อ้าง จึงทำให้ญาติฝ่ายผู้เสียหายเริ่มไม่สบายใจ และไม่มั่นใจในการที่จะได้ความเป็นธรรมในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

ทางด้าน พ.ต.อ.สมปราช กรรณ์กานนท์ ผกก.สภ.มายอ ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีแล้ว ส่วนจะเรียกสอบปากคำทั้งสองฝ่ายเมื่อไรนั้น คงต้องดูความพร้อมของทั้งสองฝ่ายอีกที ยังกำหนดวันเวลาไม่ได้

ส่วนด้าน ผบ.ร้อย หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่เกิดเหตุ ได้กล่าวว่า สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุที่ผ่านมานั้น ทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับไม่ให้มีการตั้งด่านลักษณะซุ่มตรวจใช้ไฟฉาย แต่ต้องมีเสื้อสะท้อนแสงที่สวมใส่ขณะตั้งด่าน ต้องมีไฟส่องสว่างที่เพียงพอ และให้จำกัดในการนำอาวุธเข้าในพื้นที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร 22 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงค่ำคืนที่เกิดเหตุนั้น ได้ถูกเรียกเข้าประจำที่ค่ายทหารอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อเข้ากระบวนการสอบสวนของผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งได้ยึดอาวุธปืนที่ใช้ปฏิบัติการณ์ในคืนนั้นเพื่อมาตรวจสอบแล้วด้วย