หน้าแรก ข่าวในประเทศ ข่าวทั่วไป

ผู้ว่าฯนราธิวาส เปิดแถลงข่าวเตรียมจัดงาน OTOP ทั่วไทยฯ ครั้งที่ 2 คาดนำรายได้เข้าโก-ลกกว่า 20 ล้าน

ผู้ว่าฯนราธิวาส เปิดแถลงข่าวเตรียมจัดงาน OTOP ทั่วไทยฯ ครั้งที่ 2 คาดนำรายได้เข้าโก-ลกกว่า 20 ล้าน

ณ ลานด่านตรวจคนเข้าเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส (28 มิถุนายน 2560) นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวการจัดงาน “OTOP ทั่วไทย ประสานใจสู่แดนใต้ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน” ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-11 ก.ค.60 โดยมี นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก นายเมธา ภมรานนท์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก นายไกรวุฒิ ช่วยสถิตย์ พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส พ.ท.พงศกร แสงกูล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 และ พ.ต.ต.จรูญ ด้วงไข่ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ โดยพิธีเปิดงาน OTOP ทั่วไทย ประสานใจสู่แดนใต้ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฏคม 2560 เวลา 19.30 น. ณ เวทีกลางสนามกีฬามหาราช อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการยกระดับสินค้าโอทอปในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยดำเนินการจัดขึ้น 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกสามารถทำยอดขายกว่า 15 ล้านบาท คาดว่าในการจัดงานครั้งที่ 2 นี้ จะมีเงินสะพัดมากถึงกว่า 20 ล้านบาท

“การจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดมากมายในพื้นที่โก-ลก ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม รถรับจ้าง จะมีรายได้มากขึ้นจากปกติหลายเท่าตัว รวมทั้งมีการเพิ่มจำนวนบูธร้านค้าจาก 110 บูธ เป็น 150 บูธ มีสินค้าโอทอปจากทุกภาคของไทยเกรดระดับ 3 – 5 ดาว เพิ่มจำนวนอาหารจากเดิม 47 บูธ เป็น 65 บูธ ตามคำเรียกร้องของประชาชน พร้อมทั้งเพิ่มเวลาจำหน่ายในแต่ละวันจากเดิม 14.00 น.มาเป็น 11.00 น. คาดหวังว่าพี่น้องในจังหวัดชายแดนใต้รวมถึงชาวต่างประเทศจะมาเที่ยวและสนับสนุนสินค้าโอทอปในงานครั้งนี้เป็นจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

“อ.สุไหงโก-ลกเป็นอำเภอเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนา ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิต ซึ่งสินค้าโอทอปของนราธิวาสมีมากมาย ทั้งวิสาหกิจชุมชนและส่วนตัว การจัดงานครั้งนี้นอกจากยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตแล้ว ยังเพิ่มช่องทางการตลาดและการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสู้ตลาดทั้งในและต่างประเทศได้ ส่วนการพัฒนาพื้นที่ในระดับนโยบายนั้น การสร้างสะพานข้ามพรมแดนที่ อ.ตากใบ และสุไหงโก-ลก อยู่ในแผน IMTGT ที่รัฐบาลไทยและมาเลเซียได้จับมือร่วมกันในแผนปี 2562 ที่จะบรรจุเข้าไป โดยในรายละเอียดต่างๆ นั้น เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จะต้องไปคุยในรายละเอียดระดับรัฐบาลต่อไป”

ด้าน นายไกรวุฒิ ช่วยสถิตย์ พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้จะมีผู้ประกอบการจาก 4 ภาคทั่วประเทศไทย ได้แก่ ภาคใต้ จำนวน 85 บูธ ภาคกลางจำนวน 27 บูธ ภาคอีสานจำนวน 21 บูธ และภาคเหนือจำนวน 17 บูธ ส่วนประเภทผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ประกอบด้วย 5ประเภท คือ ประเภทอาหารจำนวน 65 บูธ ประเภทเครื่องดื่มจำนวน 20 บูธ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย จำนวน 21 บูธ ประเภทของใช้ ของประดับตกแต่ง ของที่ระลึก จำนวน 26 บูธ และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน18 บูธ ส่วนการแสดงบนเวที มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นจังหวัดนราธิวาส การเทศนาธรรม และการแสดงของศิลปินดารา นักร้องทุกค่ำคืน

นอกจากนี้ยังมีการแสดงนิทรรศการการเชื่อมโยงศักยภาพของเมือง 3 เมืองต้นแบบ ได้แก่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมืองต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมืองต้นแบบการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เมืองต้นแบบการท่องเที่ยวครบวงจร การแสดงนิทรรศการเด่นจังหวัดนราธิวาส ได้แก่ ผ้าทอนราธิวาส และผลการดำเนินงานบริษัทประชารัฐสามัคคี (นราธิวาส)จำกัด และการสาธิตต่างๆ

นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวในภาพรวมในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกว่า ทางหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและภาคประชาชนได้มีการหารือในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกโดยได้ศึกษาการรักษาความปลอดภัยจากการจัดงานครั้งแรกมาปรับเปลี่ยนและเพิ่มความปลอดภัยจากเดิมให้มากขึ้น มีการแบ่งเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวงานในครั้งนี้

ด้าน พ.ท.พงศกร แสงกูล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 และ พ.ต.ต.จรูญ ด้วงไข่ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.สุไหงโก-ลก รับผิดชอบด้านความมั่นคงและการจัดการจราจร ได้เสริมกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ทหาร ฝ่ายปกครอง และกำลังภาคประชาชน ในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่จะเข้ามาในงาน โดยทุกคนต้องผ่านการตรวจตราอย่างละเอียดด้วยเครื่องตรวจวัตถุระเบิดหน้าประตูทางเข้าก่อนเข้างาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการและดูแลระบบจราจร และสถานที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ทุกชนิด โดยแบ่งโซนอย่างชัดเจนห่างจากจุดจัดงานเพื่อป้องกันการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ โดยมีกำลัง อส.และกำลังภาคประชาชนคอยดูแลความปลอดภัยทั้งในและนอกบริเวณงานอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความเรียบร้อยรักษาความสงบในพื้นที่บริเวณงานตลอดทั้ง 7 วัน