ผู้นำศาสนา 8 องค์กร ประกอบด้วย นายอับดุลอาซิส ยานยา นายกสมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายเซ็ง ใบหมัด ประธานสภาอุลามะห์ปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี นายอับดุลอาสิ กาแบ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลานายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส นายดนสุโกด ใหนเด รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา แถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุวางระบิดที่สายบุรี เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2558 ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี
เรื่อง การฆ่าและทำร้ายนักบวช ผู้นำศาสนา ตลอดจนประชาชนผู้บริสุทธิ์ ประณามผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 กรกฎาคม 2558 จนเป็นเหตุให้พระสงฆ์มรณภาพจำนวนหนึ่งรูป ทหารเสียชีวิตหนึ่งนาย และชุดรักษาความปลอดภัยรวมทั้งประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
นายอับดุลอาซิส ยานยา นายกสมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในนามคณะผู้นำ 8 องค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า
“ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมาได้มีการใช้ความรุนแรงที่ส่งผลกระทบทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และสร้างความแตกแยกให้กับพี่น้องประชาชนที่ต่างกันเพียงแค่ความเชื่อถือทางศาสนา ทำให้สังคมพหุวัฒนธรรมอันดีงามแห่งนี้ต้องเกิดมลทินและรอยร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่รัฐได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแล้วนั้น ยังมีพระภิกษุสงฆ์มรณภาพและบาดเจ็บด้วย ซึ่งสร้างความรู้สึกสะเทือนใจกับพี่น้องประชาชนทุกศาสนา เกิดกระแสต่อต้านและประณามพฤติกรรมดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ในนามองค์กรทางศาสนา 8 องค์กรในวันนี้ขอแสดงจุดยืนต่อต้านพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังผิดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลามด้วยอย่างร้ายแรง จึงขอเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอความร่วมมือไปยังพี่น้องสื่อมวลชนช่วยกันสร้างพลังต่อต้านการใช้ความรุนแรง และการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ และร่วมกันสร้างสันติสุขต่อไป”
ด้าน นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี กล่าวว่า เหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีก่อเหตุรุนแรงกระทำความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทั้งพี่น้องชาวพุทธและมุสลิมในหลายสาขาอาชีพ ทั้งครู พระสงฆ์ นักเรียน เด็ก สตรี ผู้นำศาสนา ข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการลอบวางระเบิดในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี ที่ผ่านมา
“ในนามคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาอูลามาอฺปัตตานี สมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ชมรมมุสลิมภราดรภาพ ขอประณามผู้ก่อเหตุทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ เพราะมุ่งโจมตีต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างไร้มนุษยธรรม โดยผิดหลักการของศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่ปฏิเสธความรุนแรง ปฏิเสธการละเมิดการคร่าชีวิตมนุษย์ และการรุกรานทุกรูปแบบ
ดั่งบัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานความว่า “แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งก็ประหนึ่งว่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล และหากผู้ใดรักษาชีวิตหนึ่งก็ประประหนึ่งว่าเขาได้รักษาชีวิตมุนษย์ทั้งมวล”อัล-กรุอ่าน (5:32) และคำกล่าวของท่านอะบูบักร ผู้นำท่านแรกที่สืบทอดการปกครองต่อจากท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ.ล.)เคยกล่าวไว้แก่บรรดาสาวกท่านนบี(ซอฮาบัต)ดังนี้ “จงอย่าทรยศหรือเบี่ยงเบนไปจากหนทางที่ถูกต้อง จงอย่าทำร้ายศพที่ตายไปแล้ว จงอย่าฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา หรือผู้ป่วย จงอย่าสร้างความเสียหายหรือเผาต้นไม้ จงอย่าฆ่าศัตรูคนใด ที่อยู่ในศาสนสถาน จงสำรองอาหาร ท่านจะผ่านพบผู้คนที่อุทิศตนให้กับการบำเพ็ญธรรม (นักบวชศาสนาอื่น) จงอย่าฆ่าคนเหล่านั้น”
ดังนั้นในนามคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาอุลามะห์ปัตตานี สมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ชมรมมุสลิมภราดรภาพ ขอเชิญชวนให้พี่น้องมุสลิมทั้งหลายร่วมกันดุอาร์และตั้งเจตนาด้วยความบริสุทธิ์ใจและปฏิบัติดังนี้
• เชิญชวนให้พี่น้องมุสลิมและผู้นำมัสยิดทุกมัสยิดร่วมกันประณามผู้ก่อเหตุในครั้งนี้หรือแสดงบทบาทใดๆ ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุได้สำนึกบาป
• ขอให้พี่น้องมุสลิมทุกคน ทุกกลุ่ม ร่วมกันต่อต้านพฤติกรรมอันนำไปสู่ความรุนแรงและความบาดหมางระหว่างผู้คนในสังคม และจงช่วยกันยับยั้งการมุ่งทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ พระสงฆ์ นักบวช เด็ก สตรี และทำลายศาสนสถาน
• จงช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทุกศาสนิกและขอให้ผู้นำศาสนาได้แสดงบทบาทหรือทำหน้าที่ในการเป็นผู้ประสานความขัดแย้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และเกิดความสันติสุขในพื้นที่โดยเร็ว
• ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังพี่น้องชาวพุทธทุกท่านต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้นำศาสนาทั้ง 8 องค์กรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่เห็นด้วยและขอปฏิเสธกลุ่มที่สร้างความรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ พวกเขาเหล่านั้นเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีศาสนาใดๆ อยู่ในหัวใจ
ในนามผู้นำศาสนาทั้ง 8 องค์กร ขอวิงวอนความเมตตาจากอัลลอฮพระผู้เป็นเจ้า ทรงประทานเมตตาให้กลุ่มก่อเหตุผู้หลงผิดได้สำนึกบาป และกลับมาอยู่ในทางนำของพระองค์ ทั้งขอพระองค์ทรงประทานความรัก ความสามัคคี ความร่มเย็นเป็นสุข และดลบันดาลให้พี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกท่าน สามารถอยู่ร่วมกันได้ในพื้นที่ท่ามกลางพหุวัฒนธรรมอย่างสงบสันติ และปราศจากภยันตรายทั้งปวง
กลัวพี่น้องต่างศาสนิกจะเกิดความสับสน
นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้นำศาสนาต้องนำหลักศาสนามานำเสนอให้พี่น้องทุกศาสนิกได้เข้าใจ ซึ่งถ้าไม่ได้แถลงการณ์ในวันนี้อาจจะเกิดความสับสนว่าผู้นำศาสนานั้นอยู่อย่างไร จุดยืนเป็นอย่างไร และหลักธรรมของศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร
“วัตถุประสงค์ที่เชิญตัวแทนที่อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ต้องมาแสดงจุดยืนเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เกิดความเป็นอันหนึ่งเดียวกันในการเสนอเกี่ยวกับหลักธรรมของศาสนาอิสลามกับความรุนแรงที่ทำให้เกิดการสูญเสีย อันนี้ถือว่าในมุมมองของศาสนาอิสลามทุกๆ มิติที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามนั้นปฏิเสธและไม่ให้การส่งเสริมในเรื่องนี้ ในสมัยท่านศาสดาก็ให้เกีรยติซึ่งกันและกันในการปฏิบัติหน้าที่ต่อทุกศาสนิกที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกัน ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ที่อัลลอฮฺทรงประทาน ซึ่งท่านศาสดาได้สอนเน้นในเรื่องของการอยู่ร่วมกันเพื่อให้เกิดความสันติสุข ความเมตตา ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ซึ่งก็เหมือนกับวันนี้ที่ได้นำเสนอในแถลงการณ์
การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องยึดหลักความเป็นธรรม
“การทำงานทุกวันนี้ต้องมีส่วนร่วมกันทั้งหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องยึดหลักความเป็นธรรมมากกว่าในปฏิบัติงานในพื้นที่ อย่าไปดำเนินการละเมิดสิทธิ์ ละเมิดกฎหมายต่างๆ ตรงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยหลักในปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความสันติสุข ตามนโยบายของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ได้ให้ลูกน้องให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้อง แต่ก็อาจจะมีที่ทำผิดพลาดไปบ้างก็ต้องกลับใจให้เร็วที่สุด ต้องสำนึกตัวและต้องอยู่ในกรอบของการทำงานแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่าเราแก้ปัญหาและยังใช้ปืน ใช้ความรุนแรง ยังไงปัญหาก็ไม่จบ เพราะฉะนั้นเราต้องมาพูดคุยกันและใช้เรื่องศาสนามานำเสนอ เพราะพลังของศาสนานั้นเป็นพลังที่เหนือกว่ากฎหมายต่างๆ เพราะฉะนั้นทุกศาสนาคงไม่เห็นด้วยต่อการรังแกและไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นหลักการสากลของทุกศาสนา ดังนั้นทุกคนต้องมาช่วยกันไม่ใช่เพียงแค่ผู้นำมุสลิมเพียงอย่างเดียว ผู้นำในศาสนิกอื่นก็ต้องมาแสดงจุดยืน และนำเสนอเกี่ยวกับหลักต่างๆ ของศาสนาที่ทุกคนนับถือ เพราะตรงนี้เป็นหลักสากล เรื่องต่างๆ ต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน สักวันหนึ่งความสันติสุข ความสงบสุขจะเกิดในพื้นที่ได้ และต้องฝากให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง และองค์กรต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ ต้องระมัดระวังในการอยู่ร่วมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่ในพื้นที่ได้อย่างไม่มีปัญหา”