จากใจทายาทพระยาพหลฯ อวสาน หมุดคณะราษฎร “ไม่ลบความทรงจำ2475”
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เมื่อจู่ๆ “หมุด 2475” หรือ “หมุดคณะราษฎร” บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถูกรื้อถอนอย่างเงียบๆหลังจากหมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญแห่งนี้ ถูกฝังติดตั้งเมื่อปี 2479 รวมแล้ว 81 ปี
“หมุดคณะราษฎร” ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสัญลักษณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งคณะราษฎร นำโดยพระยาพหลหลหยุหเสนา ได้ทำการปฏิวัติทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกขึ้น
หมุดทองเหลืองดังกล่าวนี้เป็นตำแหน่งที่ พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อ่านประกาศคณะราษฎรมีข้อความปักบนหมุดว่า “ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” แต่หมุดใหม่ที่เปลี่ยนขึ้นก่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 เขียนข้อความใหม่ขึ้นแทนว่า
“ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนของดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง….. ขอประเทศสยามจงเจริญ ยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน”
ย้อนประวัติศาสตร์ไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2479 มีพิธีฝังหมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญที่ทำด้วยโลหะสัมฤทธิ์ เหตุการณ์นั้นเป็นความต้องการของพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่ต้องการสร้างวัตถุเพื่อรำลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ที่เป็นจุดกำเนิดของการมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
งานดังกล่าวได้มีลักษณะเหมือนการจำลองเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 โดยมีคณะทหารบกและทหารเรือรวมไปถึงพลเรือนได้ไปชุมนุมกันที่ ลานพระราชวังดุสิต เพื่อร่วมประกอบพิธีสำคัญนี้ จากนั้นพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ปราศรัยที่มีเนื้อหาถึงการให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งอ้างอิงจากหนังสือ111 ปี ฯพณฯ พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา “เชษฐบุรุษ”
“พี่น้องเคยร่วมตายทั้งหลาย ท่านยังรำลึกได้หรือไม่ว่าตำบลใดเป็นที่ที่เราได้เคยร่วมกำลัง ร่วมใจความคิดกระทำการเพื่อขอความเป็นอิสรเสรี ให้แก่ปวงประชาชาวสยาม ข้าพเจ้าเชื่อว่าบางท่านคงจะจำได้แต่เพียงเลือนๆและบางท่านที่ต้องถูกใช้ไปทำหน้าที่อื่นๆห่างไกลออกไป ก็คงไม่ทราบว่าจุดนั้นแห่งใดแน่
…ข้าพเจ้าเห็นว่าพวกเราชาวสยามไม่ควรจะหลงลืมที่สำคัญอันนี้เสียเลย เพราะเป็นที่กำเนิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ซึ่งเราถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเป็นมิ่งขวัญของประชาชาติด้วย มิ่งขวัญของพวกเราชาวสยามได้เริ่มถูกเรียกและถูกเชิญให้มาอยู่กับเนื้อกับตัวในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ ในขณะวันและเวลาทีกล่าวนั้นพวกท่านผู้ร่วมก่อการได้มอบชีวิตจิตใจไว้แก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มที่ที่จะยอมเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อขอรับพระราชทานแลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น สำหรับเป็นเครื่องป้องกันการหลงลืม และให้เป็นอนุสรณ์สืบต่อไปภายภาคหน้า
…ฉะนั้น หมุดที่จะวางลง ณ ที่นี้จึงเรียกว่า หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ ในมงคลสมัยซึ่งเป็นวันบรรจบครบรอบ ๔ รอบปีแห่งการรับพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวร นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดีอยู่แล้ว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสวางหมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ ณ ที่ซึ่งเตรียมการไว้นั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
ขณะที่ พันตรีพุทธินาถ พหลพลพยุหเสนา ทายาทพลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา กล่าวกับ โพสต์ทูเดย์ ถึงความรู้สึกที่ หมุดคณะราษฎรถูกถอดรื้อออกว่า เพิ่งทราบข่าวเหมือนกันแต่ ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดอะไรมาก เพราะทุกอย่างล้วนตั้งอยู่ดับไป ไม่มีอะไรจีรัง แต่หมุดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะพระยาพหลพลหยุหาเสนา ได้ยืนตรงจุดนี้อ่านประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 และมาทำหมุดนี้เมื่อปี 2479 เกือบ 80 ปีแล้ว เพื่อเป็นที่รำลึกในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยกรมโยธาและเทศบาลได้หล่อจากทองแดงสำริด
ทายาทพระยาพหลพลพยุหเสนา กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความพยายามทำลาย หมุดคณะราษฎร มาโดยตลอดแทนที่จะปกป้องรักษาไว้กับแผ่นดิน ขนาดปัจจุบันก็ยังปล่อยให้รถวิ่งทับหมุด แต่เชื่อว่า แม้จะมีการเปลี่ยนหมุดไปแล้ว ก็ไม่สามารถลบล้างความทรงจำเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ได้ ใครอยากจะรื้อก็ตามสบาย
“ความทรงจำไม่ได้อยู่ที่ว่า คุณถอนหมุดแล้ว ทำลายมัน ทุกอย่างจะจบ เพราะถ้าใครทำชั่ว ทำดี ยันชั่วลูกหลานเหลนโหลน มันก็ยังถูกพูดถึง ดังนั้น ไม่ต้องหาสัญลักษณ์อะไรเก็บไว้เป็นที่รำลึก แต่คุณก็สามารถปิดบังคนรุ่นหลังได้ เพราะเดี๋ยวเทคโนโลยีมันกว้างไกล”
ทายาทแกนนำคณะราษฎร กล่าวว่า ปัจจุบันใครคิดจะทำอะไรก็ได้ เพราะถือว่ามีอำนาจ แต่คนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าตลอด วันหนึ่งอาจถูกทำลาย แล้วแต่กรรมที่ก่อ ตนเองก็ไม่รู้สึกวิตกอะไรแล้ว เพราะปัจจุบันอายุก็ 78 ปี ไม่รู้สึกทุกข์ร้อน ใครอยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าหมดอำนาจขึ้นมาเมื่้อไร เมื่อนั้นก็จะจบทุกอย่าง
เมื่อถามว่า อยากให้มีการชี้แจงหรือไม่ว่าเปลี่ยนหมุดเพราะอะไร พันตรีพุทธินาถ กล่าวว่า ไม่ต้องชี้แจง เพราะพูดไปก็คงเหมือนการแก้ตัว 3 ปีที่ผ่านก็เห็นแล้วว่า มีอะไรเกิดขึ้นในทางที่ดีงามหรือไม่ แต่ถ้าเขาทำดี ทุกอย่างก็จะถูกจดจำ ถ้ายังยึดติดเรื่องตัวกู ของกู ทำในสิ่งที่ไม่ดี ยึดตัวตน ก็เตรียมรับกรรมของตัวเองไว้ได้เลย
“วันนี้ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ผมยังอยู่ หรือดวงวิญญาณมีจริง ท่านก็คงไม่คิดอะไรเหมือนผม ท่านก็คงคิดอย่างที่พุทธองค์ว่า ไม่มีอะไรจีรัง ไม่มีอะไรเป็นของแท้แน่นอน ใครอยากทำอะไรก็ทำไป” ทายาทพระยาพหลฯ ทิ้งท้าย
ที่มา : posttoday