หน้าแรก รายงาน

บ้านหลังใหม่ของครอบครัวปอเนาะญิฮาด ที่สร้างจาก “น้ำใจ”

วันที่ 12 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ครอบครัวแวมะนอ หรือ ครอบครัวปอเนาะญิฮาดได้ทำบุญขึ้นบ้านหลังใหม่

บ้านชั้นเดียวหลังใหญ่บนเนื้อที่ 1 ไร่นี้คือ บ้านหลังใหม่ของครอบครัวแวมะนอ หรือ ครอบครัวปอเนาะญิฮาด ใกล้กับมัสยิดท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ที่ใช้งบประมาณไปเพียง 5 แสนบาท เพราะค่าแรงทั้งหมดมาจากความช่วยเหลือของพี่น้องมุสลิมหลากหลายอาชีพ

“ตอนนี้บ้านเสร็จไปแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มี 3 ห้องนอน สำหรับ 3 ครอบครัว สมาชิกในบ้านทั้งหมด 14 คน ผู้ใหญ่ 6 คน เด็ก 8 คน กำลังเร่งให้เสร็จเร็วที่สุดเพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน ห้องเรียนตาดีกาที่เราอาศัยมากกว่า 9 เดือน เมื่อฝนตกหนักน้ำก็จะเข้า สงสารทุกคนในบ้าน สำคัญคือ เด็กนักเรียนไม่ได้ใช้ห้องเรียนมานาน ต้องเข้าไปเรียนในมัสยิด”

บันยาล แวมะนอ

บันยาล แวมะนอ ทายาทปอเนาะญิฮาดบอกเล่าความคืบหน้าและความจำเป็นในการเร่งสร้างบ้านให้เสร็จภายในเร็ววัน พร้อมเผยว่า ทีดินจำนวน 1 ไร่นี้ได้ขอซื้อจากเพื่อนบ้านในราคา 1 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาที่หาซื้อไม่ได้ตามปกติ หากด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้านที่อยากให้พวกเขาได้มีบ้านเป็นของตนเองจึงขายในราคาเหมือนให้เปล่า

“ที่ดินตรงนี้เป็นเจ้าของเดียวกับที่ดินที่กำลังสร้างอาคารปอเนาะ ตอนบอกว่าจะขอซื้อที่ดิน เขาบอกว่าให้ใช้ได้เพราะอยากให้อยู่ใกล้มัสยิดและเป็นอิหม่ามด้วย เมื่อบอกว่าจะขอซื้อจริงๆ เขาก็บอกว่าให้เท่าไหร่ก็ได้ จึงให้เขาไป 1 แสน เป็นเงินที่เก็บมาจากการที่มีคนมาเยี่ยมตอนเกิดเหตุการณ์และเงินจากกงานกินข้าวยำรวมกัน”

บ้านชั้นเดียวหลังนี้ เริ่มลงเสาก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 มีชาวบ้าน ศิษย์เก่า นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ หมุนเวียนกันมาช่วยลงแรง ก่อสร้างกันมาตลอดด้วยความเต็มใจ หากรวมเวลาสร้างบ้านจริงที่ทำทุกวันเพียงประมาณ 3 เดือนกว่า ซึงเป็นเวลาที่เร็วมาก วัสดุเช่น ปูน ประตู กรอบหน้าต่าง ก็ได้รับบริจาค สิ่งที่ต้องซื้อคือ กระเบื้อง และเหล็กโครงสร้าง บางคนที่มาช่วยชวนเพื่อนที่เป็นช่างมาด้วย บ้านหลังนี้จึงมีนายช่างมาร่วมสร้างกว่าร้อยคน

บันยาลบอกความรู้สึกของเขาและสมาชิกในบ้านว่า บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านไม้เก่าของพวกเขาที่ปอเนาะญิฮาด ช่วยเยียวยาได้ในระดับหนึ่ง แต่เทียบความรู้สึกและความอบอุ่นกันไม่ได้ เมื่อผ่านไปทางบ้านเดิม ความรู้สึกเดิมก็กลับมา ตอนนี้หญ้าและวัชพืชเต็มปอเนาะเพราะไม่มีใครดูแล

“มีข้อเสนอจากทางรองผวจ.ให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในสถานที่ แต่ชาวบ้านไม่กล้า กลัวโดนเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ และมีพื้นที่อื่นที่จะใช้ประโยชน์แล้ว ในทางคดีรัฐสามารถยึดได้ แต่ในทางกฎหมายเราจะไปใช้ที่ดินที่เจ้าของไม่เต็มใจให้ได้อย่างไร รัฐกำลังเริ่มโครงการหลายอย่างในพื้นที่เช่น นำคนพุทธกลับเข้ามาอยู่ในชุมชน ซึ่งเมื่อก่อนมีเป็นสิบครอบครัว อยู่ใกล้กับปอเนาะ ตอนนี้เหลือเพียงครอบครัวเดียว ย้ายออกไปเกือบหมด เจ้าหน้าที่เข้าไปซ่อมบ้านให้เพื่อให้พวกเขากลับมาอยู่เช่นเดิม เจ้าหน้าที่มาถามว่ามีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ บอกเขาว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เขาจะกลับมาอยู่ในบ้านของตัวเอง เราเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน แต่เรื่องความปลอดภัยไม่มีใครรับรองได้ ผมเองก็รับรองไม่ได้ เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นใหญ่กว่า”

“ขอขอบคุณทุกคนทุกกำลังกายและกำลังใจที่ช่วยเหลือทุกด้านแก่ครอบครัวเราจนสามารถอยู่ได้ มีบ้านเป็นของตัวเอง สองปีกว่ามานี้ได้เพาะเลี้ยงลูกปลาทับทิมในกระชังไว้ขายเป็นรายได้หลัก และภรรยากับพี่สาวได้ออกขายอาหารและก๋วยเตี๋ยวตามตลาดนัดใกล้บ้านเพื่อหารายไดเข้าบ้านอีกทาง มีสามคนเป็นกำลังหลักเพราะมีสมาชิกในบ้านจำนวนมาก”

กับข้อกังวลของเงินบริจาคนั้น บันยาลบอกว่า พร้อมให้ตรวจสอบได้เสมอ เนื่องจากเขาไม่มีสิทธิ์อย่างใดในเงินเหล่านั้น ทุกอย่างอยู่ที่คณะกรรมการ

“ขอชี้แจงในการเร่งสร้างบ้านให้เสร็จก่อนเพราะมีความจำเป็น จากการไปอาศัยห้องเรียนตาดีกาที่มัสยิดมานานทำให้เด็กไม่ได้เรียนในห้องเรียน มีการปล่อยข่าวมาเอาเงินของโรงเรียนมาสร้างบ้าน ซึ่งผมไม่ได้ไปแตะเงินนั้นเลย ผมไม่มีสิทธิ์ไปเบิกเงิน ผู้นำชุมขนก็ได้ชี้แจงแล้วว่าเงินยังอยู่ ผมก็ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊คว่าใช้จ่ายไปอย่างไร ส่วนที่เขาให้มาเท่านั้นจึงสามารถใช้ได้คือประมาณ 5 แสนบาทในการสร้างบ้าน ส่วนอาคารปอเนาะ ก่อสร้างไปแล้วประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ กำลังขึ้นคานชั้น 2 แต่ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน จึงรอให้ฝนหยุดแล้วทำต่อ นักศึกษาจากม.อ.หาดใหญ่ ทีมสุดท้ายที่มาช่วยออกไปก่อนหน้าฝนจะตก ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง”

สำหรับรูปแบบของปอเนาะใหม่ บัลยานบอกว่า เป็นปอเนาะโมเดิร์น บูรณาการหลายส่วนเข้าด้วยกัน เป็นอาคารเอนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกิจกรรม สอนอัลกุรอานผู้ใหญ่ สอนกีรออาตี สอนเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่เปิดเผย ตรวจสอบได้