นางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาตินางสาวรัตติกาล จ่าวัง หญิงตั้งครรภ์ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าตลาดปาลัส
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 พ.ย. 2559 นางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาตินางสาวรัตติกาล จ่าวัง หญิงตั้งครรภ์ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าตลาดปาลัส ถนนสาย 42 บ้านปาลัส ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พ.ย. 2559 ณ อาคารเอนกประสงค์วัดควน ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พร้อมกล่าวว่าหากมีการช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันเวลา เด็กจะมีชีวิตรอด
“เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งใจมาให้กำลังใจ คนที่ทำเหมือนตั้งใจเพราะเห็นว่าตั้งครรภ์อยู่ ไม่มีทางสู้ ไม่มีใครรับได้กับการทำร้ายผู้หญิง โดยเฉพาะเด็กที่มีโอกาสมีชีวิตรอด เขาควรไปสู้รบกับคนที่มีอาวุธ” นางอังคณา กล่าว
“ต้องให้ความรู้แก่หน่วยกู้ชีพกู้ภัยและเจ้าหน้าที่รัฐถึงการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในกรณีเช่นนี้ รวมทั้งคนที่เห็นเหตุการณ์ว่าแม้แม่ตายแต่โอกาสลูกรอดมีอยู่ เมื่อแม่สิ้นใจ ออกซิเจนในร่างกายแม่ยังส่งถึงลูกในระยะหนึ่ง กรณีแม่ช็อค ลูกจะดิ้นแรง ถ้าส่งโรงพยาบาลทันเวลาภายในครึ่งชั่วโมงและผ่าตัดทันจะสามารถช่วยเด็กได้ หากขาดออกซิเจนเกินเวลาก็จะทำให้เด็กเสียชีวิต เหตุครั้งนี้อาจเห็นว่าแม่ตายจึงไม่กล้าแตะต้องและทำให้ไม่สามารถช่วยได้ทันเวลา”
นางอังคณาอีกกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนสองศาสนาถดถอยความสัมพันธ์ลงไป ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด อยากเรียกร้องคนที่เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยานโดยไม่ต้องเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ต้องให้ความคุ้มครอง ดูแลพยานอย่างดี พร้อมนำคนทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกคนต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ไม่เป็นเครื่องมือของคนที่คอยยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก วันหนึ่งอาจเกิดขึ้นกับตัวเองหรือญาติพี่น้อง เพราะคนที่ทำไม่เลือกว่าเป็นใครหรือศาสนาใด
ด้าน นายปิติเลิศ ทองชูใจ สามีนางสาวรัตติกาล กล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำว่า “ทำไมไม่เอาภรรยาไปโรงพยาบาลพร้อมกัน ลูกอาจรอดได้”
“ข้อกังขาข้องใจของญาติและทุกคนคือ ทำไมจึงไม่เอาเขาไปโรงพยาบาลด้วย แม้จะเห็นว่าตายแต่ยังไงก็ต้องเอาไป ทั้งที่เอาไปได้ทั้งสองคนเพราะใส่รถกระบะไป ใครมาตัดสินว่าเด็กในท้องต้องตายตามแม่ไปในตอนนั้น เมื่อเกิดเหตุแล้ว ไม่มีใครกล้าช่วย ทั้งที่อยู่ใกล้ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่มีใครมาช่วย กั้นไม่ให้เขาไปอีก น้องชายเขาพยายามเข้าไปบอกว่ามีลูกในท้อง เห็นว่าเด็กยังดิ้นอยู่ กว่าจะได้ไปโรงพยาบาล พอไปแล้วเข้าห้องฉุกเฉิน เห็นว่านานเข้าใจว่าทางโรงพยาบาลช่วยเหลืออยู่จึงเข้าไปดูแต่ไม่เห็นในห้อง เดินออกมาเห็นเขาเข็นเตียงมาไว้ด้านข้าง เลือดก็ยังหยดอยู่ จึงถาม เจ้าหน้าที่บอกว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จึงอยากถามว่าถ้ากระบวนการช่วยเหลือทันเวลาและถูกต้อง เด็กก็มีโอกาสรอดชีวิต แต่จะไปถามความจริงจากใคร” นางเบญจวรรณ ซูสารอ เพื่อนสนิทของนางสาววรรณาพร แก้วแก่นเพชร มารดานางสาวรัตติกาลบอกกล่าว เนื่องจากนางสาววรรณาพร ยังอยู่ในอาการเศร้าโศก
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รรท.ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจเช่นกันกล่าวถึงกรณีนี้ว่า สงสารคนก่อเหตุที่อาจมีปัญหาผิดธรรมชาติมนุษย์มากเกินไป การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่คนที่มีอุดมการณ์ ไม่ใช่นักต่อสู้ เป็นอาชญากรแต่เลวร้ายเกินกว่าอาชญากรรมทั่วไป ที่ทำร้ายผู้หญิงที่มีครรภ์