
ประชาชนชาวมุสลิมโรฮิงญานับร้อยคนต้องระหกระเหินหลบซ่อนตัวตามไร่สวนอย่างหวาดกลัว โดยปราศจากการคุ้มครองใดๆ หลังจากที่ถูกทหารพม่าได้บีบบังคับให้พวกเขาเดินทางออกจากมู่บ้านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อหน่วยรักษาความมั่นคงของพม่าตามแนวตะเข็บชายแดน
อย่างน้อยสี่แหล่งข่าวที่ได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพทร์ได้เปิดเผยว่า ได้มีเจ้าหน้าด้านความมั่นคงได้เข้าไปยังหมู่บ้าน คี คาน ปิง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้บังคับให้ชาวบ้านกว่า 2,000 คน ต้องอพยพหนีออกจากหมู่บ้านของพวกเขา และยังได้เปิดโอกาสเพื่อให้เตรียมขนสัมภาระที่จำเป็นติดตัวไปด้วย
มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ความรุนแรงที่มีความวุ่นวายไร้ขื่อแปนี้ยิ่งไม่มีความแน่นอนสำหรับปารรับมือของรัฐบาลพม่า
ที่รัฐยะไข่ความสัมพันธ์ระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญากับชนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวพุทธ กำลังแผชิญกับภาวะตึงเครียดที่รุนแรงอีกครั้ง หลังจากที่ได้เกิดเหตุการการนองเลือดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและอีกนับพันคนต้องหนีตายไม่มีที่อยู่ อันสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนาเมื่อปี 2012 เป็นต้นมา
รัฐบาลที่นำโดยผู้นำพม่าแห่งรางวัลโนเบลในสาขาสันติภาพ นาง ออง ซาน ซู จี ได้ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้มีการยิงปะทะกันกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญาอย่างน้อย 400 คน ที่มีความเชื่อมโยงกับกองกัลงติดอาวุธต่างชาติ
ในขณะที่ทางรัฐบาลได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางกองทัพพม่ามีความระมัดระวังในการปราบปรามกลุ่มผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา และในขณะที่ชาวบ้านได้ออกมากล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของพม่าคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารชาวโรฮิงญาและทำลายบ้านเรือน
“ผมถูกไล่ออกจากบ้านเมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวาน ตอนนี้ผมหลบซ่อนตัวอยู่ในไร่นอกหมู่บ้านพร้อมกับคนอื่นๆ กว่า 200 ชีวิต รวมไปถึงสมาชิกครอบครัวของผมด้วย ผมไม่มีบ้านอีกแล้ว”
“หลังจากที่ได้มีทหานเข้ามาในหมู่บ้านของพวกเรา พวกเขากล่าวว่า หากพวกเราไม่หนีออกจากหมู่บ้าน พวกผมจะต้องถูกยิงตาย” ชาวโรฮิงญาคนหนึ่งได้เปิดเผย
ในขณะที่อีกบางส่วนสามารถหลบซ่อนที่หมู่บ้านใก้ลเคียง ในขณะที่อีกหลายร้อยชีวิตยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในป่า
โฆษกรัฐบาลพม่าเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลไม่สามารถที่จะติดต่อกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้เลย เพราะเป็นพื้นที่สีแดง
http://www.bharian.com.my/node/205791