หน้าแรก ข่าวต่างประเทศ

มุสลิมในอิตาลีออกมาประท้วงอย่างสันติ หลังทางการสั่งปิดมัสยิดหลายแห่งในกรุงโรม

ภาพ ชาวมุสลิมหลายร้อยคนพากันออกมาละหมาดวันศุกร์ใกล้บริเวณโคลอสเซียม ณ กรุงโรม

ชาวมุสลิมหลายร้อยคนพากันออกมาละหมาดวันศุกร์ใกล้บริเวณโคลอสเซียม ณ กรุงโรม ได้พากันมาประท้วงอย่างสันติ หลังจากที่ทางการอิตาลีได้ออกคำสั่งจะทำการปิดมัสยิดหลายแห่งในอิตาลี

การแสดงออกอย่างสันติในครั้งนี้ถือเป็นการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาในประเทศแห่งนี้ ผู้ดำเนินการประท้วงคนหนึ่งได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมออกมาประท้วงอย่างสันติในกรณีที่ทางการมีคำสั่งจะปิดมัสยิดเนื่องด้วยเหตุผลในด้านการจัดการและการบริหารที่มีมาก่อนหน้านี้ เขาเปิดเผย

ผู้ประท้วงได้รวมตัวกันเพื่อละหมาดวันศุกร์ที่บริเวณสาธารณ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักกับโคลอสเซียม ซึ่งเป็นอัฒจันทร์โบราณ ที่เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่มหัศจรรย์สถานที่หนึ่งของโลก

ในช่วงการประท้วงดังกล่าว ผู้ร่วมประท้วงได้พากันเดินชูป้ายผ้าที่มีข้อความว่า “สันติภาพ” และ “เปิดมัสยิด”
ชาวมุสลิมในอิตาลีหลายคนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นมักจะมีความสงสัยหวาดระแวงต่อชาวมุสลิม อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางอาวุธที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในยุโรปในช่วงหลังมานี้ ด้วยการสั่งปิดสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิม ด้วยการอ้างเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ เช่น เพราะห้องน้ำมีจำนวนน้อยเกินไป

การประท้วงครั้งนี้ดำเนินการโดยกลุ่มผู้อพยพชาวบังคลาเทศ นายฟรันเชสโค เทรี่ ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า การสั่งปิดมัสยิดนั้นบางครั้งมักใช้ข้ออ้างเพราะผิดหลักการในด้านการจัดการอาคารและผังเมือง

กลุ่มผู้ประท้วงดังกล่าวหวังว่าทางการจะได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ตามการรายงานของสำนักข่าวอัลจาซีรา

“ผมว่าผู้คนจะต้องชี้นิ้วมายังผมแน่นอน” ฟรันเชสโค เทรี่ กล่าว ซึ่งเป็นมูอัลลัฟ(มุสลิมใหม่) ซึ่งเขาเป็นผู้มีบทบาททำหน้าทีคอยประสานงานระหว่างกลุ่มมุสลิมกลุ่มต่างๆ ในอิตาลี

“ไม่มีความต้องการอำนาจทางการเมืองใดเพื่อให้มีการยอมรับพวกเราแต่อย่างใด เพราะที่นี่พวกเราคือกลุ่มที่รักสันติ พวกเรามีความจำเป็นที่จะต้องเช่าที่เพื่อทำการก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งสำหรับชาวมุสลิมแล้ว ศาสนามีความสำคัญดั่งออกซิเจนในอากาศ หากไม่มีคงไม่อาจมีลมหายใจได้” เขาเพิ่มเติม

ขณะที่ นักการเมืองท่านหนึ่ง นายบ่าบาร่า ซัลตามาติน จากกลุ่มผู้ต่อต้านกลุ่มผู้อพยพจากพรรคสหพันธ์ภาคเหนือ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการประท้วงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “เป็นการแสดงออกที่ไม่สามารถรับได้” ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในกรุงโรมแห่งนี้

อย่างไรก็ตามมีนักการบางส่วนได้เปิดเผยว่า มีการยืนยันถึงคำสั่งการปิดมัสยิดจริงในบางส่วนในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ในขณะที่ตำรวจได้กล่าวว่า ทางการได้ให้หลักประกันในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมาย

ในประเทศอิตาลี ศาสนาอิสลามยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการที่ได้รับการยอมรับตามกฏหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ไม่เหมือนกับศาสนายิวและคริสตเตียน และมีมุสลิมส่วนใหญ่อพยพมาจากแอฟริกาเหนือและเอเชียใต้ ที่รู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติเพราะเหตุผลทางเชื้อชาติ และความเชื่อของพวกเขา

จากข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่า มีชาวมุสลิมจำนวนกว่า 800.000 คน ที่อาศัยอยู่ในกรุงโรมอย่างถูกกฏหมาย และมีจำนวนกว่า 100.000 คน ที่อาศัยอยู่อย่างถาวรที่ไม่มีทะเบียนรษฏ์ถูกต้องตามกฏหมาย
ตัวเลขดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า คิดโดยรวมมีมากกว่า 1.5% ของประชากรรวมทั้งหมดโรมได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีมัสยิดมากที่สุดในหมู่ประเทศ

สถานที่ละหมาดส่วนใหญ่ที่พบอยู่ตามชุมชนและศูนย์วัฒนธรรมอิสลามต่างๆ เรื่องนี้นักการเมืองฝ่ายขวาจัดออกมาเปิดเผยว่าเรืองดังกล่าวทำให้ยากต่อการตรวจสอบ จนนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดช่องว่างให้กับกลุ่มสุดโต่ง
อย่างไรก็ตามนักการเมืองฝ่ายขวาจัดยังได้เรียกร้องเพื่อมีการสั่งห้ามก่อสร้างมัสยิดที่ก่อสร้างโดยการได้ทุนจากภายนอกประเทศ

ในขณะที่ในกรุงโรมเอง พบว่ามีมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตก แต่ข้อเสนอที่จะจัดตั้งก่อสร้างมัสยิดในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมในสถานที่อื่น ๆ มักจะถูกขีดขวางจากหน่วยงานท้องถิ่นอยู่เสมอ

 

http://www.hidayatullah.com/berita/internasional/read/2016/10/22/103179/jumatan-dekat-colosseum-muslim-italia-protes-penutupan-masjid.html