กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลง พบเบาะแสคนร้ายวางระเบิดหน้าตลาดโต้รุ่งปัตตานี พบเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุใกล้มัสยิดกลางปัตตานีเมื่อช่วงเดือนรอมฏอนที่ผ่านมา
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงต่อสื่อมวลชนหน้าร้านที่เกิดเหตุว่า กอ.รมน.ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหายโดยเร็วที่สุด“
“ในความคืบหน้าของคดี ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจและเจ้าที่รวบรวมพนายหลักฐาน โดยพบเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุใกล้มัสยิดกลางปัตตานีเมื่อช่วงเดือนรอมฏอนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูล ขอให้ใจเย็น ให้เวลากับเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมวัตถุพยาน หลักฐานเพื่อติดตามจับกุม เราไม่จับกุมผู้บริสุทธิ์มาดำเนินการแน่นอน” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
-
“ไม่อยากให้ไปโยงกับเหตุการณ์ตากใบ เพราะเมื่อคนร้ายมีโอกาสก็จะลงมือก่อเหตุทันที ในเรื่องของพื้นที่ปลอดภัย มีการหารือกันมาตลอด ข้อเรียกร้องขององค์กรต่างๆ ทางกอ.รมน.ได้นำเสนอไปแล้วเพื่อแก้ไขร่วมกัน ให้ภาคประชาสังคมและนักวิชาการช่วยกันขับเคลื่อนโดยอยู่ภายใต้หลักรัฐธรรมนูญ หากการแก้ปัญหาในพื้นที่เหมือนการก่อปราสาททราย เมื่อเกิดปัญหาต้องแก้ไข อย่าท้อแท้ ต้องก้าวข้ามให้ได้” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าว
ด้าน นายวรรณชัย อินผา หรือเฮียเบิ้ม วัย 52 ปี เจ้าของร้านเบิ้ม ก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว สูตรนครปฐม เจ้าของร้านที่โดนระเบิดบอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับผลกระทบหนักกว่าปี 2550 มาก ลูกน้องได้รับบาดเจ็บถึง 3 คน
“ช่วงเกิดเหตุผมยืนอยู่ตรงหน้าตู้ก๋วยเตี๋ยว ลูกค้ายังน้อยอยู่ จะเยอะช่วงสองทุ่ม ทุกวันผมมาตั้งร้าน เตรียมของประมาณบ่ายสามโมง ปิดตอนสี่ทุ่มครึ่ง น่าจะวางระเบิดไว้ก่อนที่ผมจะมา วางไว้ใต้โต๊ะฝั่งที่ลูกสาวเปิดร้านราดหน้า ทางโน้นเป็นเคาน์เตอร์ที่วางกับที่ ส่วนทางผมเป็นรถเข็น เข็นไปเข็นกลับทุกวัน เด็กเสริ์ฟโดนไป 3 คน อาการสาหัสหนึ่งคน ครั้งนี้โดนหนักกว่าระเบิดปี 2550 มาก” นายวรรณชัย กล่าว
- เฮียเบิ้มเป็นคนนครปฐม มาใช้ชีวิตในปัตตานีตั้งแต่อายุ 14 ปี เพราะมีญาติๆ อยู่ที่ปัตตานี จึงตัดสินใจทำมาหากินและอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ โดยเปิดขายน้ำชา และมาเป็นก๋วยเตี๋ยวสูตรอร่อยที่ใครๆ ต่างรู้จัก ขยับขยายมาเป็นร้านราดหน้าที่ลูกสาวดูแล และร้านขายน้ำที่มีลูกชายดูแล ทั้งสามร้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน และโดนผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งหมด
“เหตุการณ์จะเป็นยังไงก็ต้องสู้ต่อ ต้องทำเป็นรถเข็นมาขายแล้วเข็นกลับเพื่อความปลอดภัย นับหนึ่งกันใหม่ คนค้าขายอย่างเราต้องอดทน อยู่ที่นี่ต่อไป ทางการรับปากว่าจะช่วยดูและเต็มที่กับเรื่องความเสียหาย”
ขณะที่ เจ้าของร้านทรัพย์รุ่งเรือง ร้านขายรองเท้าที่อยู่ถัดไปสามสี่คูหา บอกว่า สถานการณ์เช่นนี้ต้องช่วยเหลือตัวเอง
“ตอนเกิดเหตุยังไม่ได้ปิดร้าน ลูกค้ายังเยอะ พอมีเสียงระเบิดลูกค้าวิ่งเข้ามาเต็มร้าน วุ่นวายกันไปหมด วันนี้ต้องปิดร้านไม่ได้ขาย ช่วยกันจัดร้านให้ดูแลง่าย ให้เรียบร้อย หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาก็เห็นได้ง่าย สถานการณ์อย่างเขนี้ต้องพึงพาตนเองดีที่สุด”
ลูกค้าประจำของร้านเบิ้มอีกรายบอกว่า เมื่อเกิดเหตุก็จะเงียบไปหลายวัน คนค้าขายก็ต้องทำใจ ด้วยความเป็นคนค้าขายเหมือนกันขอให้กำลังใจให้สู้ต่อ เพราะเป็นงานที่ถนัดกันมากที่สุด
ทั้งนี้เมื่อ วันที่ 24 ตุลาคม เวลาประมาณ 19.00 น. คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเบิ้ม ตลาดโต้รุ่ง ถ.พิพิธ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จนมีชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน
ในจำนวนผู้บาดเจ็บนี้มี น.ส.นริศรา มากชูชิต นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่ถูกสะเก็ดระเบิดอาการสาหัส จนต้องตัดขา ทั้งๆ ที่ใกล้วันสอบวัดระดับเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้ต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วนอีกรายคือ น.ส.มโนชา พงษ์เสาร์ ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว ต้องผ่าตัดขาและควักลูกตา 1 ข้าง เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด
นอกจากนั้นยังมี ด.ช.พรหมพิริยะ พรหมนุกูล อายุเพียง 7 ขวบ ที่แพทย์ต้องผ่าตัดใหญ่โดยตระกูลพรหมพิริยะ ได้รับบาดเจ็บทั้งพ่อ แม่ และลูก 2 คน