Alarabiya – ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกาและรัสเซียเข้าสู่สถานะที่เลวร้ายที่สุดและตึงเครียดมากที่สุดตั้งแต่การสิ้นสุดของสงครามเย็นในศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตการณ์แห่งความสัมพันธ์หลายอย่างของทั้งสองในระดับทวิภาคีที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ
และวิกฤติที่โดดเด่นที่สุดของความขัดแย้งเหล่านี้คือวิกฤตซีเรีย โดยที่รัสเซียได้ขู่อเมริกาว่าหากส่งเครื่องบินรบโจมตีตำแหน่งของกองกำลังรัฐบาลซีเรียแล้ว รัสเซียจะยิงเครื่องบินรบดังกล่าวทันที คำกล่าวหาว่ารัสเซียมีส่วนเอี่ยวในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ อันนำมาซึ่งปมปัญหาที่ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนออกมาแสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงและก้าวร้าวต่อรัฐบาลรัสเซีย
บางคนเชื่อว่ามีสัญญาณหลายอย่างของความตึงเครียดระหว่างอเมริกาและรัสเซียนั้นเป็นชนวนสู่สงคราม แต่ทว่าสัญญาณเหล่านี้มีความถูกต้องและสำคัญมากน้อยเพียงใด ?
บางทีหนึ่งในสัญญาณที่โดดเด่นที่สุดอันเป็นการบ่งชี้ในเรื่องดังกล่าว ก็คือการกระทำของรัสเซียที่ได้ส่งขีปนาวุธ Iskander ที่สามารถติดหัวขีปนาวุธนิวเคลียร์ประจำการในแคว้นปกครองตนเองที่มีพรมแดนติดประเทศแถบบอลติก นี่คือความกังวลของนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าทั้งสองประเทศอยู่ในปากของสงคราม
วอชิงตันโพสต์ เขียนว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นสัญญาณแห่งความคืบหน้าของทั้งสองประเทศที่จะเข้าสู่สงคราม
Igor Kvnashnkvf โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า อาวุธดังกล่าวมีการดำเนินการหลังจากที่เครื่องบินสอดแนมอเมริกาได้เข้าประจำการและเคลื่อนไหว และนี่คือการซ้อมรบทางทหาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศลิทัวเนียซึ่งประเทศของเขาติดอยู่กับพรมแดนดังกล่าว เผยว่า มันเป็นเพียงกลยุทธ์ของการเจรจาต่อรอง
การเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามนิวเคลียร์
ในการนี้หนังสือพิมพ์เดลี่เอกซ์เพรส (Daily Express) ของอังกฤษ เขียนว่า สถานีโทรทัศน์รัสเซียได้ออกอากาศแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาชนค้นหาจุดหลบภัยที่ใกล้ที่สุดเมื่อมีการทิ้งระเบิด และคำประกาศดังกล่าวได้ตั้งคำถามแก่ประชาชนชาวรัสเซียว่า “พวกท่านได้เตรียมเตรียมหรือยังหากสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น”?
Yfgny Kyslyvf ผู้ดำเนินรายการ ได้ตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์ “พฤติกรรมที่ไร้ยางอายของอเมริกา” และเตือนว่าความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศอาจจะเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์
หนังสือพิมพ์เอกซ์เพรส ยังเขียนว่า กองทัพรัสเซียได้ทำการซ้อมรบทางทหารระดับชาติในการป้องกันประเทศ ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมประชาชน 40 ล้านคนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามระดับโลกและการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์
รัฐบาลรัสเซียได้เห็นชอบในการแก้ไขกฎหมายเพิ่มจำนวนของทหารกองหนุน ด้วยการเรียกบรรดาทหารปลดเกษียณและทหารสำรองกลับมาประจำการ
กลลวงของการโฆษณาชวนเชื่อ
ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้ว่าการเมือง Sanptzrbvrg ได้จัดแผนสำรองและจัดเก็บสิ่งของวัตถุดิบที่จำเป็นในเบื้องต้นรวมทั้งขนมปังกำหนดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงคราม
วอชิงตันโพสต์ ถือว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็น “กลลวงของการโฆษณาชวนเชื่อ” อเล็กซานเดลทซ์นักวิเคราะห์ทางทหารได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ ว่า ปริมาณของวัตถุดิบอาหารที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจรณรงค์นั้นมันพอเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น
ทว่าสัญญาณของสงครามบางอย่างคือคำพูดของนักการเมืองรัสเซียบางคนที่สร้างความฮือฮาพอสมควร เช่น Vladimir Zhirinovsky สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยของรัสเซียซึ่งได้กล่าวว่า “ชัยชนะของนางฮิลลารี คลินตัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอเมริกานั่นหมายถึงสงครามกำลังใกล้เข้ามาระหว่างทั้งสองประเทศ”
ส่วนวอชิงตันโพสต์เขียนว่า Gyrynvfsky ยังคงมีการโฆษณาชวนเชื่อจุดยืนของเครมลินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาโปรโดนัลด์ ทรัมป์ให้ชนะในการเลือกตั้ง ด้วยเหตุนี้คำพูดของเขาถือเป็นการแสดงจุดยืนในตำแหน่งทางการเมือง ในขณะที่พรรคของเขามีที่นั่งในรัฐสภาเพียง 39 ที่นั่งจาก 450 ที่นั่ง ดังนั้นแม้สงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นเขาก็เกือบจะไม่มีความสามารถในการตัดสินใจใดๆได้
การเตรียมพร้อมอย่างลับๆ
ส่วนสัญญาณสงครามในอเมริกา หนังสือพิมพ์เอ็กซ์เพรส อ้างอิงจากแหล่งข่าวของตัวเองว่า วอชิงตันมีการยกระดับของความพร้อมสำหรับสงครามนิวเคลียร์ และได้นำเอาระบบเตือนภัย DEFCON มาใช้
ระบบ DEFCON เป็นระดับที่จะมีการเตือนถึงห้าระดับ ในระดับที่ห้าจะเป็นการเตือนและแสดงถึงความเสี่ยงที่อันตรายและร้ายแรง เว็บไซต์ทางการ DEFCON มีการรายงานว่า ระดับเตือนได้เพิ่มขึ้นถึงระดับสาม ครั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี 11 กันยายน
เว็บไซต์นี้ยังตั้งข้อสังเกตและชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและอเมริกา และเตือนว่าอาจจะเกิดสงครามโลกระหว่างทั้งสองประเทศ ตามรายงานเว็บไซต์ดังกล่าวชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศมันส่งพลขยายกว้างกว่าสงครามเย็นด้วยซ้ำไป
หนังสือพิมพ์ Express เขียนว่า คำเตือนเช่นนี้ เป็นเพียงแค่การกล่าวอ้าง เนื่องจากว่า สถานะแจ้งเตือนของ DEFCON นั้นกองทัพอเมริกาคงไม่เปิดเผยให้กับทุกคนอย่างแน่นอน