หลังเหตุการณ์จักรยานบอมบ์หน้าโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเช้าวันที่ 6 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา คร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปถึง 3 รายคือ นายมะเย็ง เว๊าะบ๊ะ เด็กหญิงมิตรา เว๊าะบ๊ะ และ นายตัสมีซี มะดาโอะ รวมทั้งทำให้เด็กน้อยสองรายต้องกำพร้าพ่อ
ชีวิตของเด็กชายพงศพัฒน์ หรือ ฮาซัน เว๊าะบ๊ะ วัย 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองตากใบ ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าในทันที เมื่อนายมะเย็ง เว๊าะบ๊ะ ผู้เป็นพ่อ เสียชีวิตในเหตุการณ์พร้อมน้องสาววัย 4 ขวบคือ เด็กหญิงมิตรา เว๊าะบ๊ะ ฮาซันซึ่งอยู่ในความเลี้ยงดูของ นางยามีล๊ะ เว๊าะบ๊ะ ผู้เป็นป้า เนื่องจากพ่อกับแม่แยกทางกัน จึงต้องอยู่กับป้าตลอดไปนับแต่วันนั้น
มีพี่น้องมากมายทุกศาสนิกไปเยี่ยมและให้กำลังใจทั้งสองครอบครัว ในชุมชนบาตาฮิเลซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวเว๊าะบ๊ะ ยามีล๊ะ ผู้เป็นป้าของฮาซัน ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้ากับการจากไปของน้องชายและหลานสาว บอกเล่าถึงหลานชายให้ฟังว่า ฮาซันรู้แล้วว่าพ่อและน้องสาวเสียชีวิต แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก เพราะมีคนมาเยี่ยมและแสดงความเสียใจจำนวนมาก
“ฉันดูแลฮาซันมานาน ตั้งแต่พ่อเขา (มะเย็ง) หย่าจากแม่เขา (ภรรยาคนแรก) ช่วงนั้นเขาหางานทำยากแถวบ้าน จึงขึ้นกรุงเทพฯ ไปทำงานเป็นยามที่ช่อง 3 อยู่หลายปี แล้วมีภรรยาใหม่เป็นคนภาคกลางและมีลูกสาวคือ มิตรา ไม่นานก็หย่ากับภรรยาคนที่สอง เลี้ยงดูลูกสาวมาคนเดียว สามสี่เดือนจะกลับมาบ้านสักครั้ง จนเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาตัดสินใจกลับมาบ้านเพื่อมาตั้งหลักทำมาหากินและเลี้ยงดูลูกทั้งสอง ทำให้ได้ใกล้ชิดกับฮาซันมากขึ้น”
“เขามีอาชีพรับจ้างทั่วไป บางวันไปรับจ้างแบกข้าวสารที่ท่าเรือข้ามฝั่งตากใบ-มาเลย์ บางวันก็ไม่มีงานทำ จะไปรับส่งลูกชายตลอด ส่วนมิตราเพิ่งเข้าเรียนชั้นอนุบาลปีนี้ และติดพ่อมากเพราะเขาอยู่กันมาสองคนพ่อลูกตั้งแต่กรุงเทพฯ จนมาตายพร้อมกัน“
ยามีล๊ะบอกเพิ่มเติมถึงเหตุวันนั้นว่า ทุกวันถ้ามีเวลามะเย็งจะไปรับส่งลูกตลอด วันเกิดเหตุไปสายนิดนึง เมื่อส่งฮาซันเสร็จก็ไปส่งมิตรา ลูกสาวอยากกินขนมเครปญี่ปุ่นซึ่งจอดขายหน้าโรงเรียน เขาจอดรถแล้วก้าวเดินไปยังรถขายขนมพร้อมมิตรา สักพักมีระเบิดจากฝั่งตรงข้ามโรงเรียน มะเย็งโดนสะเก็ดระเบิดไปทั่วร่างสิ้นใจตรงหน้าโรงเรียนพร้อมมิตรา
มาหามะซูรียา เว๊าะบ๊ะ น้องชายอีกคนของมะเย็ง อาของฮาซัน บอกเพิ่มเติมถึงหลานชาย หลานสาว และพี่ชายด้วยความอาลัย
“พี่ชายเป็นคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น เขารักลูกสาวมาก เป็นเด็กฉลาด น่ารัก ร่าเริง ติดพ่อ ชอบแกล้งพี่ชาย(ฮาซัน) ส่วนฮาซันเป็นเด็กเงียบๆ เพราะอยู่กับป้ามานาน พูดจาตรงๆ เขาอยู่ในช่วงปรับตัวเข้าหากัน พ่อกับน้องสาวก็มาเสียชีวิต ป้าและอาจึงตกลงกันว่าต้องดูแลฮาซันและให้ความอบอุ่นให้เต็มที่เพราะเขาขาดทั้งพ่อและแม่”
มาหาะมะซูรียาฝากว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ต้องการอะไร ชีวิตของคนในสามจังหวัดในแต่ละวันเมื่อก้าวออกจากบ้านแล้วไม่แน่ใจว่าจะได้กลับบ้านอีกหรือไม่ ขอให้หยุดกระทำเช่นนี้กับผู้บริสุทธิ์”
อีกครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชายคือ นายตัสมีซี มะดาโอะ วัย 23 ปี พ่อค้าขายเครปญี่ปุ่นไปในเหตุร้ายครั้งนี้ โดยตัสมีซีเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นางรูซีนี อับดุลราแม แม่ของตัสมีซี ชาวบ้านหัวคลอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนักกับบ้านของมะเย็ง บอกด้วยน้ำเสียงสะอื้นเช่นกันว่า ลูกชายเป็นเด็กดี กำลังมีลูกชายน่ารักวัย 8 เดือน ต้องมากำพร้าพ่อเช่นกัน
“เขาเป็นเด็กดี อายุก็ยังน้อย ช่วยพ่อแม่ขายขนมมานาน เพิ่งแต่งงาน พ่อก็ทำโชเลย์ขายขนมให้เพราะจะได้เป็นรายได้ของตัวเอง เพิ่งมีลูกชายตัวเล็ก ตอนเช้าและเที่ยงเขาจะขายขนมที่หน้าโรงเรียนบ้านตาบา พอตอนเย็นไปขายที่หน้าโรงเรียนเทศบาล เมื่อก่อนลูกสะใภ้ช่วยขายด้วย พอคลอดลูกก็หยุดขายมาดูลูก พอมาเกิดเหตุแบบนี้เสียใจมากที่ต้องสูญเสีย แต่ก็คิดว่าอัลลอฮฺรักเขา ตั้งใจช่วยดูแลลูกสะใภ้และหลานชายต่อไป”
ขณะที่ นายสราวุธ ยอดรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตาบา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุครั้งแรกและสะเทือนใจมากที่เกิดเหตุหน้าโรงเรียนและกับนักเรียนของโรงเรียน
“ไม่เคยมีเหตุร้ายบริเวณโรงเรียนมาก่อน วันนั้นนักเรียนและครูกำลังเข้าแถวเคารพธงชาติกัน เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นทุกคนต่างวิ่งไปหลบใต้ถุนโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย สะเทือนใจที่เกิดเหตุกับเด็กนักเรียนที่บริสุทธิ์ ทั้งที่พื้นที่โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยยังไม่ละเว้น”
“วันนี้โรงเรียนยังคงเปิดทำการตามปรกติ ขวัญและกำลังใจของครูยังดี แต่เด็กนักเรียนยังหวาดกลัว จึงมีบางส่วนที่ไม่ได้มาเรียน”
นายสราวุธกล่าวต่อว่า เหตุที่เกิดไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพุทธและมุสลิมแยกจากกัน มาตรการความมั่นคงภายนอกต้องให้ฝ่ายที่รับผิดชอบพิจารณา เหตุที่เกิดไม่มีฝ่ายรับผิดชอบ หวังให้การพูดคุยสันติสุขทำให้เหตุร้ายลดลง ไม่ยืดเยื้อ เข้าสู่สันติสุขโดยเร็ว
เหตุร้ายที่เกิดในแต่ละครั้ง เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและความรู้สึกอย่างมากมาย เมื่อไหร่จะไม่มีเหตุร้ายเช่นนี้…พี่น้องชายแดนใต้ต้องรออีกนานแค่ไหน หรือไม่มีเวลาสิ้นสุด!!